หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2556

[FIC] All x Suho - intro





Intro


สัมภาระต่างๆถูกผู้เป็นเจ้าของห้องเช่าขนาดเล็กโยนออกมาจากภายในห้อง เหตุเพราะผู้ที่อาศัยไม่ยอมจ่ายค่าเช่า แม้จะสงสารแต่เงินทองในทุกวันนี้มันก็เป็นสิ่งจำเป็นที่ทุกคนต้องใช้เลี้ยงปากเลี้ยงท้อง แล้วการที่เขาผัดผ่อนให้จนย่างเข้าเดือนที่สามแล้ว ก็ถือว่าช่วยเพื่อนมนุษย์มากเกินพอแล้ว อีกอย่างห้องเช่าแห่งนี้ไม่ใช่สถานสงเคราะห์ที่จะให้ใครมาอยู่ฟรีๆ ค่าน้ำค่าไฟก็ต้องจ่าย หากความสงสารมันจะสร้างความลำบากให้เห็นทีก็คงช่วยเหลือต่อไปไม่ไหว

“พี่ครับ ผมขอเวลาอีกสักอาทิตย์เถอะนะครับ พี่จุนมยอนกำลังหาเงินมาจ่ายค่าห้องให้อยู่”

เด็กหนุ่มตัวเล็กวิ่งเข้าไปกอดขาอ้อนวอนกับหญิงสาวที่เป็นเจ้าของอพาร์ทเมนท์แห่งนี้ด้วยเสียงที่สั่นเครือ พยายามต่อรองและขอความเห็นใจ ในเมื่อตัวเขาเองเป็นแค่เด็กอายุสิบแปดที่กำลังจะจบชั้นมัธยมปลาย แม้จะอ้อนวอนขอร้องพี่ชายเรื่องขอพักเรื่องเรียนแล้วออกมาช่วยทำงาน แต่พี่จุนมยอนก็ยังยืนยันจะให้น้องอย่างเขาเรียน อีกทั้งค่าเช่าห้องที่พี่จุนมยอนเก็บไว้จากเงินค่าจ้างที่ไปเป็นเด็กเสิร์ฟ หรือเด็กล้างจานก็เอามาจ่ายค่าเทอมของเขาไปหมดแล้ว

“คยองซู!!

คยองซูหันไปตามเสียงเรียกก็พบว่าเป็นพี่ชายที่วิ่งมา เสื้อยืดเก่ากับกางเกงผ้าขาดๆที่ผู้เป็นพี่สวมติดกายแล้วลองมองย้อนดูตัวเขาเองที่ยังคงอยู่ในชุดนักเรียนใหม่เอี่ยม พลันน้ำตาก็ไหลออกมาไม่หยุดเมื่อพี่ชายลงไปคุกเข่าก้มหัวขอร้องป้าเจ้าของหอเพื่อให้เราทั้งสองยังมีที่ซุกหัวนอนต่อไป

“ผมจะรีบทำงานหาเงินมาให้ ขอร้องล่ะครับ ขอเวลาผมอีกสามวัน”

หญิงเจ้าของหอพักมองแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ แม้อยากจะช่วยแต่เขาแปะประกาศและมีคนติดต่อขอเช่าห้องนี้เรียบร้อยแล้ว แล้วสามวันที่ว่าของเด็กคนพี่ก็ไม่รู้จะมีเงินมาให้เขาจริงหรือไม่ ถึงจะถูกมองวาใจไม้ไส้ระกำยังไง เขาก็ต้องให้เด็กทั้งสองย้ายออกไปจากหอภายในวันนี้  

“จุนมยอน..คยองซู ฉันขอโทษนะ”

สิ้นคำนั้น จุนมยอนก็ตรงเข้าไปโอบกอดน้องชายตัวเล็กที่ร้องไห้เอาไว้แนบกับอก คนเป็นพี่เอื้อมมือลูบผมนุ่มลื่นมือของน้องชายอย่างแผ่วเบา ไม่รู้ว่าชาติที่แล้วเราสองพี่น้องไปทำกรรมอะไรกับใครเอาไว้ ชาตินี้ถึงได้ต้องมาพบเจออะไรแบบนี้ คยองซูคนในครอบครัวคนเดียวของเขาที่เหลืออยู่ถูกมองว่าเป็นคนที่ทำให้แม่ต้องจากโลกนี้ไป เพียงเพราะหลังจากที่แม่คลอดคยองซูออกมาได้ ท่านก็สิ้นใจ และจุนมยอนลูกชายคนโตที่ทำให้พ่อตัวเองต้องตาย อุบัติเหตุในตอนที่เขาอายุได้สิบห้าปีทำให้เขาก้าวผ่านความตายมา เพียงเพราะได้หัวใจของคนเป็นพ่อที่มันกำลังเต้นอยู่ในอก

เราสองพี่น้องถูกสังคมรุมประณามว่าเป็นคนที่ทำให้พ่อแม่ต้องตาย..

“ไม่เป็นไรนะคยองซู เราก็แค่ย้ายที่อยู่ใหม่ไง ไม่เป็นไรหรอก นี่อีกสองสามวันเงินที่พี่เก็บก็พอจะห้องเช่าถูกๆได้สักห้องแล้ว”

จุนมยอนฝืนยิ้มให้น้องชายก่อนจะก้มลงเก็บเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายลงกระเป๋า โดยมีน้องชายคอยเก็บข้าวของลงกระเป๋าช่วยอยู่เคียงข้าง คยองซูกำลังร้องไห้อย่างหนัก ร้องจนเขารู้สึกสงสารน้องใจแทบขาด คยองซูชอบตัดพ้อและต่อว่าตัวเอง น้องมักจะพูดว่าเป็นเพราะเจ้าตัวทำให้เขาต้องออกจากโรงเรียนเพื่อมาทำงานหาเงินส่งเสียน้องเรียนแทน แต่ถึงใครจะมองยังไงแต่คนเป็นพี่อย่างเขาการที่ได้เห็นน้องชายมีอนาคตที่ดีนั่นก็ถือเป็นความสุขที่สุดแล้ว

“วันนี้ที่โรงเรียนเป็นยังไงบ้าง?”

สองพี่น้องที่เดินเลียบอยู่ริมฟุตบาทพร้อมกับหอบกระเป๋าเสื้อผ้าใบใหญ่ที่เป็นสิ่งเดียวที่มีติดกายเอาไว้ จุนมยอนเลือกที่จะส่งยิ้มให้ไปแล้วถามน้องชายที่เอาแต่เงียบมาตลอดทาง

“ก็ดีครับ วันนี้อาจารย์ชมว่าผมทำคะแนนได้ดี”

ฝ่ามือเล็กกำกระเป๋าไว้แน่นพร้อมกับก้มหน้าลงหลบสายตาพี่ชาย ที่บอกออกไปอาจารย์ก็เอ่ยชมและพูดแบบนั้นจริงๆ แต่เรื่องที่เขาบอกพี่จุนมยอนไปไม่หมดคือเงินค่าขนมที่พี่จุนมยอนให้ไปเมื่อเช้าถูกพวกที่เกเรขโมยไป หนำซ้ำยังโดนรังแกและถูกใช้ให้ทำการบ้านแทน แต่ปัญหาต่างๆที่ชวนหนักใจแบบนี้เขาเลือกที่จะเก็บเอาไว้กับตัว ไม่อยากให้พี่ต้องมาเครียดหรือกังวลด้วยอีก

“ก็ดีแล้ว..คยองซูต้องขยันเรียนนะ อีกหน่อยพอเข้ามหาลัยคงใช้เงินเยอะน่าดูเลย”

คยองซูเหลือบมองหน้าคนเป็นพี่ที่ทอดสายตามองไปยังหนทางเบื้องหน้า รอยยิ้มบางๆที่จุดขึ้นบนมุมปากของพี่ชายนั้น ทำให้น้องชายตัวเล็กโผเข้ากอดเอวพี่ชายไว้ แล้วซุกใบหน้าเปื้อนน้ำตาลงกับแผ่นหลังที่ไม่กว้างเท่าไหร่นักของคนเป็นพี่

“ผมไม่เรียนต่อมหาลัยแล้ว ให้ผมได้ช่วยพี่นะ ผมไม่อยากเรียนอะไรอีกแล้ว”

ดวงตาหม่นแสงหรุบมองอ้อมแขนเล็กๆของน้องชายที่โอบรัดเอวตนเองไว้ ก่อนจะยิ้มออกมาบางเบา มือของคนเป็นพี่ลูบไปมาบนท่อนแขนเล็กๆของน้องชายอย่างอ่อนโยน

“ไม่ได้หรอก ในเมื่อพี่รับปากกับพ่อแล้วว่าจะดูแลน้องให้ดีที่สุด..ดังนั้นสิ่งที่คยองซูจะตอบแทนให้พี่และพ่อได้ก็คือตั้งใจเรียนนะ”

คยองซูพยักหน้าแรงๆพร้อมกับครางอู้อี้ฟังไม่ได้ศัพท์เท่าไหร่นัก แต่ก็ทำให้คนเป็นพี่รู้สึกเบาใจที่อย่างน้อยน้องก็จะได้มีอนาคตที่สดใส มีหน้าที่การงานที่ดีโดยที่เขาไม่ต้องมานั่งห่วงหรือกังวลว่าถ้าหากไม่มีเขาแล้วคยองซูจะอยู่อย่างไร ดูแลตัวเองได้ไหม

จนเย็นย่ำที่สองพี่น้องเดินลากขาหาที่ซุกหัวนอน แต่ราคาห้องแม้จะถูกมากเพียงใด เงินจำนวนหนึ่งที่ติดตัวมาของจุนมยอนก็มีไม่มากพอที่จะจ่ายค่าห้อง อย่างน้อยก็คงต้องทำงานอีกเกือบๆอาทิตย์ไหนจะค่ากิน ค่าอยู่ที่ต้องให้คยองซูไปโรงเรียนอีก จนกระทั่งเราทั้งสองพี่น้องมาหยุดอยู่ตรงใกล้ๆกับสถานีรถไฟฟ้า คยองซูก็ทรุดตัวลงนั่งกับพื้นจนพี่ชายอย่างเขาทำอะไรไม่ถูก เมื่อเห็นน้องชายเอาแต่ร้องโอดโอย

“คยองซูเป็นอะไร คยองซู!!

เจ้าของชื่อเพียงแค่ส่ายหน้าแล้วลงไปนั่งกุมท้องอยู่กับพื้น ปวดท้องเพราะไม่ได้กินอะไรตั้งแต่บ่าย จนกระทั่งตอนนี้ก็ปาเข้าไปสี่ห้าทุ่มแล้ว แต่เขาก็แค่ไม่อยากทำให้พี่จุนมยอนต้องเดือดร้อนไปมากกว่านี้อีกแล้ว แต่น้ำย่อยที่มันกัดกระเพาะมันทำเอาเขาทรมานจนแทบเดินต่อไม่ไหว

“คยองซู ไม่ได้กินข้าวใช่ไหม!

ฝ่ามือเล็กกุมใบหน้าของน้องชายที่ยังพยายามกัดฟันทนและไม่ยอมปริปากพูดอะไร จนเห็นว่าเขาน้ำตาไหลออกมานั่นล่ะคยองซูถึงได้ยอมเล่าเรื่องที่ไม่มีเงินกินข้าว และโดนเพื่อนรังแกให้กับพี่อย่างเขา ยิ่งฟังก็ยิ่งสงสารน้องจับใจ จุนมยอนลูบหัวพร้อมกับบอกน้องให้รออยู่ตรงนี้ และรีบวิ่งออกไปในทันที

“พี่จุนมยอน..ผม..ผมทนไหว..”

ฝ่ามือเล็กกุมท้องเอาไว้แน่น พยายามร้องท้วงคนเป็นพี่เอาไว้ แต่ดูท่าว่าความพยายามจะสูญเปล่าและเรี่ยวแรงที่จะวิ่งตามในตอนนี้ก็แทบไม่มี ทำได้แค่นั่งกอดเข่าแล้วซุกหน้าลงกับหน้าขาอยู่แบบนั้น

“หนู..เป็นอะไรรึเปล่า?”

ดวงตาคู่โตค่อยๆเงยหน้าสบกับคนที่เรียกชื่อ ก่อนจะสะดุ้งเบาๆเมื่อผู้ชายตัวสูงตรงหน้าเป็นใครก็ไม่รู้ มือใหญ่ๆเอื้อมมาลูบหัวเขาเอาไว้ ใบหน้าที่หล่อเหลากำลังคลี่ยิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยน

หรือว่าฟ้าส่งเทวดาให้มาช่วยคยองซูกันนะ...







“คยองซู..คยองซู!!

หลังจากได้ขนมปังจากร้านสะดวกซื้อที่ใกล้ที่สุดพร้อมกับยาเคลือบกระเพาะ จุนมยอนก็รีบวิ่งกลับมายังบริเวณที่น้องชายทรุดตัวลงนั่งอยู่ แต่ก็ต้องตกใจเมื่อมีผู้ชายตัวสูงที่ดูท่าทางไม่น่าไว้ใจ ทำให้เขาต้องตรงเข้าไปผลักคนคนนั้นให้ออกห่างจากคยองซู ก่อนจะใช้ร่างตัวเองกำบังน้องชายตัวเล็กเอาไว้

“นายเป็นใคร!!!

ผู้ชายที่ถูกถามลอบมองใบหน้าหวานที่แม้จะมอมแมมไปบ้างพร้อมกับจุดยิ้มที่มุมปาก รูปร่างบอบบางไม่ต่างจากเด็กผู้ชายตัวเล็กที่ดูเหมือนจะเป็นน้องชายทำให้ชานยอลใช้สายตาสำรวจคนตรงหน้า จนคนถูกมองอย่างเปิดเผยชักสีหน้าไม่พอใจ

“คยองซูป่ะ..ไปกัน ลุกไหวใช่ไหม?”

เมื่อดูท่าว่าการคุยกับผู้ชายคนนี้จะเสียเวลาเปล่า จุนมยอนจึงหันกลับมาสนใจน้องชายตนเองแทน อ้อมแขนเล็กประคองน้องชายให้ลุกขึ้นยืนพร้อมกับถามไถ่เรื่องอาการปวดท้อง แต่สิ่งที่แปลกใจคือคำบอกเล่าจากคยองซูว่าผู้ชายที่ไม่น่าไว้ใจที่ยืนอยู่นี้เป็นคนช่วยน้องชายของเขาเอาไว้

“พี่จุนมยอนคุณคนนี้เขาเป็นคนดีนะ”

จุนมยอนหันไปมองใบหน้าซื่อๆของน้องชาย ก่อนจะหันกลับมามองผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าอีกครั้ง รอยยิ้มกวนๆที่ส่งมา ทำให้คนเป็นพี่รู้สึกลังเลใจ บางทีคยองซูอาจจะไม่ทันคนและเขาก็เห็นประกายบางอย่างในแววตาคู่นั้นที่ทอดมองมา ซึ่งมันไม่น่าไว้ใจ

“อย่าไว้ใจใครง่ายๆคยองซู”

คนเป็นพี่พยายามรั้งแขนน้องให้เดินหนี แต่คนที่ถูกกล่าวหาว่าไม่น่าไว้ใจกลับเป็นคนรั้งแขนของพี่ชายคยองซูเอาไว้แทน

“ผมช่วยพวกคุณได้นะ พวกคุณไม่มีที่พักไม่ใช่หรอ?”

จุนมยอนตวัดสายตามองหน้าผู้ชายตัวสูงตรงหน้าอย่างไม่เป็นมิตร ก่อนจะพยายามรั้งแขนตัวเองกลับแต่คยองซูกลับเอนเอียงและดูจะเชื่อใจผู้ชายแปลกหน้าคนนี้จนเขาต้องหันมาเกลี้ยกล่อมน้องเสียใหม่

“ผมเต็มใจจะช่วยจริงๆนะ อีกอย่างคอนโดที่ผมก็อยู่ใกล้ๆจากที่เรายืนคุยกันอยู่ตรงนี้ และผมก็ไม่ค่อยได้มาพักด้วย แค่ซื้อเอาไว้ เห็นว่าพวกคุณลำบากก็เลยอยากช่วย”

จุนมยอนชั่งใจแล้วหันกลับมาสบตากับผู้ชายที่ออกปากจะช่วยเหลือตนอีกครั้ง แม้จะรู้สึกไม่ค่อยไว้ใจ แต่สถานการณ์ในตอนนี้ที่ไม่มีทางให้เลือกมากนัก ทำให้เขาตัดสินใจพยักหน้ารับไป ก็ในเมื่อมันอับจนหนทางขนาดนี้แล้ว และถ้าหากผู้ชายคนนี้เล่นตุกติกหรือทำอะไรคยองซูน้องชายของเขาแม้แต่นิดเดียว เขาก็เอาถึงตายเหมือนกัน

“งั้นก่อนอื่นผมขอแนะนำตัวล่ะนะครับ ผมปาร์คชานยอล..ยินดีที่ได้รู้จัก...”

เจ้าของชื่อเอ่ยแนะนำตัวก่อนจะเอื้อมมือไปคว้ากระเป๋าใบใหญ่ในมือคนตัวเล็กทั้งสองมาถือไว้เอง บอกตามตรงในตอนแรกที่เข้าไปก็เพราะเห็นว่าเด็กผู้ชายตัวเล็กๆที่ใส่เครื่องแบบมัธยมปลายนั้นน่าสงสารก็เลยเข้าไปช่วยแบบไม่คิดอะไร แต่พอได้ฟังคำบอกเล่าจากคนตัวเล็กถึงชะตากรรมที่เจ้าตัวต้องพบเจอก็อดสงสารไม่ได้ แต่สิ่งที่ทำให้พลั้งปากจะให้ร่วมอยู่อาศัยที่คอนโดที่ป๊ากับม๊าซื้อให้ไว้แบบฟรีก็ไม่พ้นพี่ชายของเด็กที่ชื่อคยองซูนั่นหรอก แววตาที่ดูต่อต้านนั้นมันน่าค้นหา ใบหน้าหวานก็ดูน่าหลงใหล หากถูกจับแต่งตัวเสียใหม่คงน่ามองและน่าหลงใหลไม่น้อย

จุนมยอน..เราคงต้องเจอกันสักตั้งนะ..


กระเป๋าใบโตสองใบถูกหิ้วมาวางไว้ภายในห้องนอนเล็กๆแต่ถ้าเทียบกับห้องพักที่เขาทั้งสองพี่น้องถูกไล่ออกมาก่อนหน้านี้ ก็ถือว่าใหญ่โตและกว้างขวางไม่เบา เจ้าของห้องเพียงแค่ส่งยิ้มให้พร้อมกับออกปากว่าถ้าหากมีอะไรขาดเหลือก็ให้บอกได้เลย

“พี่จุนมยอน..คุณชานยอลเขาเป็นคนดีจริงๆนะ”

เสียงของคยองซูดึงสติของคนเป็นพี่ให้กลับมาอีกครั้ง น้องชายตัวเล็กของเขาตั้งแต่ก้าวเข้ามาภายในห้องก็ยิ้มจนแก้มปริ พร้อมกับยืนยันและดูจะมั่นใจเหลือเกินว่าคนที่ให้ที่พักที่อาศัยคนนั้นเป็นคนดีอย่างที่ตนเองเชื่อ แต่ไม่รู้สิ จุนมยอนยังไม่มั่นใจ ยังบอกไม่ได้ ประกายบางอย่างในแววตานั้นมันยังทำให้เขารู้สึกไม่ค่อยวางใจ

“พี่จะพยายามเก็บเงินแล้วหาที่พักใหม่ให้เร็วที่สุดนะ”

คยองซูลอบถอนหายใจก่อนจะมองตามหลังพี่ชายที่คว้าเสื้อผ้าในกระเป๋าออกมาแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป อยากจะให้พี่จุนมยอนวางใจกว่านี้ และก็ได้แต่หวังและภาวนาว่าคุณชานยอลที่เปรียบเสมือนเทวดาของเขา จะเป็นคนดีจริงๆอย่างที่เขาเชื่อ..

หลังจากผู้อาศัยทั้งสองอาบน้ำอาบท่าเรียบร้อยแล้ว เจ้าของห้องตัวสูงก็เดินไปเคาะประตูพร้อมกับเรียกมากินข้าวพร้อมกัน สำหรับคนที่งานแทบทับตัวอย่างเขา การทานอาหารเย็นในเวลาประมาณสี่ห้าทุ่มจึงถือเป็นเรื่องปกติ หลังจากจัดโต๊ะเรียบร้อยและนั่งรออยู่พักใหญ่ทั้งสองพี่น้องก็ก้าวออกมา ก่อนจะหย่อนกายนั่งลงร่วมโต๊ะด้วยท่าทางติดประหม่า

“คยองซูโอเคขึ้นแล้วใช่ไหมครับ? ที่เราปวดท้องวันนี้ก็เพราะทานข้าวไม่เป็นเวลานะ”

คนที่นั่งหัวโต๊ะเอื้อมมือตักอาหารใส่จานข้าวของเด็กหนุ่มตาโตพร้อมกับส่งยิ้มบางๆให้ พร้อมๆกับที่รู้ว่าตัวเองกำลังตกเป็นเป้าสายตาของใครอีกคน ชานยอลเลือกที่จะแกล้งทำเป็นไม่รู้ แล้วก้มหน้าก้มตาทานอาหารไปสลับกับที่คอยตักโน่นตักนี่ให้คยองซูที่ดูจะเกรงใจไปเรื่อยๆ

หลังจากที่มื้ออาหารนี้ทุกคนต่างก็อิ่มหนำกันไปเป็นที่เรียบร้อย จุนมยอนและคยองซูเลือกที่จะตอบแทนเจ้าของห้องด้วยการเก็บโต๊ะและล้างจานให้ แม้ว่าชานยอลจะออกปากว่าให้แม่บ้านมาจัดการพรุ่งนี้ก็ได้ แต่สองพี่น้องก็ไม่ฟังจัดการล้างทำความสะอาดเสียเรียบร้อย

“ฉันอุ่นนมไว้ให้ วางอยู่ที่โต๊ะหน้าทีวีน่ะ”

คยองซูตอบรับคำขอบคุณเสียงดัง ก่อนจะเดินตามหลังเจ้าของห้องไป ซึ่งผิดกับคนเป็นพี่ที่ได้แต่มองตามแผ่นหลังกว้างนั้นอย่างไม่เข้าใจ คิมจุนมยอนคนนี้ไม่เชื่อเด็ดขาดว่าผู้ชายคนนั้นจะไม่หวังอะไรเลย เพราะขนาดคนที่มีน้ำใจจะช่วยเหลือเขามากขนาดไหน ถ้าไม่มีผลประโยชน์อะไรก็คงไม่หยิบยื่นหรือยื่นมือมาช่วยหรอก จุนมยอนได้แต่มองมือใหญ่ๆของชานยอลที่ลูบหัวคยองซูอย่างเอ็นดู แววตาที่ทอดมองคยองซูก็ดูไม่มีอะไร แต่ในเวลาที่ได้สบตากันทีไร ทำไมเหมือนมีอะไรบางอย่างอยู่ในแววตาคู่นั้นที่เขาก็คาดไม่ถึง

“จุนมยอนรังเกียจผมขนาดนั้นเลยหรอ?”

คำตัดพ้อของเจ้าของห้องทำให้จุนมยอนตัดสินใจเดินไปนั่งลงข้างๆน้องชาย จงใจเบียดเจ้าของร่างสูงให้ขยับห่างออกไปจากน้องชายตนเอง พร้อมกับรับแก้วนมที่อีกคนส่งมาให้ วินาทีที่มือสัมผัสกันทำให้จุนมยอนต้องรีบชักมือกลับอย่างรวดเร็ว พร้อมกับยกนมขึ้นดื่มแล้วรีบเร่งให้คยองซูที่มัวแต่หัวเราะกับรายการวาไรตี้ในทีวีให้รีบกินและรีบเข้านอน

“คยองซูเรียนชั้นไหนแล้ว?”

จู่ๆชานยอลก็เลือกที่จะเปิดบทสนทนาขึ้นเพื่อดึงความสนใจของคนทั้งคู่ และเด็กน้อยตาโตก็ตอบออกมาว่าอยู่มัธยมปลายปีสุดท้ายแล้ว คำตอบพร้อมรอยยิ้มทำให้เขานึกเอ็นดูน้องชายตาโตอย่างห้ามไม่ได้ คยองซูดูสดใสและบอบบาง จนถ้าหากเขาเป็นพี่ชายก็คงจะปกป้องอย่างที่จุนมยอนทำอยู่แน่นอน

“แล้วจุนมยอนล่ะ?”

เป็นคำถามที่ไร้การตอบรับพร้อมกับจุนมยอนที่พยายามฉุดแขนน้องให้ลุกเข้าห้องไปด้วยกัน แต่คนเป็นน้องกลับตอบคำถามแทนพี่ชายเสียเอง

“พี่จุนมยอนไม่ได้เรียนแล้ว พี่เค้าทำงานเพื่อส่งผมเรียน”

จุนมยอนไม่เคยไม่พอใจแบบนี้และคิดว่าคยองซูไม่เคยดื้อกับตนมาตลอด แต่สิ่งที่น้องชายตัวเล็กกำลังทำอยู่ตอนนี้บอกตามตรงเขาไม่พอใจ ไม่อยากให้คยองซูไว้ใจผู้ชายคนที่เพิ่งจะเจอหน้าแค่ชั่วข้ามคืนแบบนี้ ปาร์คชานยอลไม่ควรรู้เรื่องส่วนตัวอะไรของเราสองพี่น้องไปมากกว่า ถ้าหากเขาดี มันก็คงไม่เสียหายอะไร แต่หากผู้ชายคนนี้ไม่ได้ดีอย่างที่คิด การที่เราไว้ใจและเชื่อใจเขามากเกินไป ความเชื่อใจนั้นก็จะแว้งกลับมาทำร้ายเรา

“คยองซูไปนอนได้แล้ว”

เสียงแข็งที่ตอกกลับมาทำให้คยองซูพยักหน้ารับคำก่อนจะเดินเข้าห้องไป จุนมยอนหันกลับมามองหน้าคนที่มีบุญคุณต่อตนเองอีกครั้ง ก่อนจะเดินตามหลังน้องชายไป

“จุนมยอนขอคุยด้วยหน่อยสิ”

                คนถูกเรียกยืนลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจเดินกลับมานั่งที่โซฟาเหมือนเดิมโดยเว้นระยะห่างเอาไว้ ซึ่งชานยอลก็ไม่ได้ว่าอะไรเพียงแค่พยักหน้ารับ ถ้าการที่จุนมยอนทำแบบนั้นแล้วจะสบายใจขึ้นและพร้อมที่จะยอมคุยกับเขาดีๆมันก็โอเค

“มีปัญหาเรื่องเงินหรอ?”

เมื่อถูกถามตรงประเด็นจุนมยอนก็ทำได้แค่พยักหน้ารับ ก่อนจะเหลือบมองหน้าคนถาม ชานยอลเพียงแค่ทำท่าเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ และก็หันกลับมาจ้องหน้าคนที่ตนยิงคำถามอีกครั้ง

“ผมจำเป็นต้องใช้เงิน ตอนนี้ลำพังแค่เด็กเสิร์ฟที่ผับ หรือร้านอาหารมันไม่ค่อยพอสำหรับค่าเทอมของคยองซู และอีกหน่อยถ้าน้องเข้ามหาลัย ผม...”

จุนมยอนยั้งปากเอาไว้ก่อนที่จะมานั่งระบายความรู้สึกของตัวเองให้ผู้ชายที่ถือว่ายังเป็นคนแปลกหน้าอยู่ได้ฟัง ดวงตาคู่สวยสอดส่ายสายตามองไปรอบๆห้อง พลางถอนหายใจอีกครั้ง คุณชานยอลอะไรนี่คงจะมีเงินเหลือกินหรือใช้ดูจากสภาพห้อง ข้าวของเครื่องใช้ และการแต่งกาย แม้จะไม่อยากพึ่งพาหรือเกี่ยวข้องด้วย แต่ในเวลานี้เขาก็จนปัญญาจริงๆ

“คุณมีงานอะไรที่ทำแล้วได้จะเงินเยอะๆบ้างไหม? งานอะไรก็ได้ผมไม่เกี่ยง”

หลังจากถามออกไปแล้วก็ได้แต่จ้องหน้าคนตัวสูงเพื่อรอคำตอบอีกครั้ง ซึ่งคำตอบที่ได้เป็นเพียงแค่การส่ายหน้า เพียงเท่านั้นจุนมยอนก็แทบอยากจะลุกหนีไปเสีย หากแต่คำถามนั้นกลับสร้างความหนักใจให้คนถูกถามไม่เบา

“ฉันรู้จักคนไม่ค่อยมากนักหรอก และลำพังงานดีๆเงินดีๆที่ฉันจะแนะนำให้นายได้ มันก็จำเป็นต้องใช้วุฒิการศึกษา....”

เมื่อได้รับคำตอบเช่นนั้น คนฟังก็ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าพยักหน้ารับ เขาเข้าใจดี ข้อนี้จุนมยอนเข้าใจดี การศึกษาเป็นสิ่งจำเป็น แต่สำหรับจุนมยอนมันก็ยังสำคัญน้อยกว่าปากท้องและอนาคตของคยองซูอยู่ดี

“แต่ถ้ายอมนอนกับฉัน อยากได้เท่าไหร่ฉันยินดีให้นาย”

คำพูดนั้นทำให้จุนมยอนลุกขึ้นจากโซฟาแทบจะในทันที เรียวขาเล็กค่อยๆถดหนี เมื่อคนที่พูดจาไม่อายปากลุกขึ้นยืนแล้วก้าวมาหาตนเองมากขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดก็เข้าใจความหวังดี และความเห็นใจจอมปลอมของผู้ชายคนนี้แล้ว มนุษย์ทุกคนบนโลกนี้มันก็เป็นแบบนี้แหละ เห็นแก่ตัว และเอาแต่ได้กันทั้งนั้น

“ทำไมล่ะจุนมยอน? ไหนบอกว่าอะไรก็ได้ทำได้ไม่เกี่ยงไม่ใช่หรือไง?”

คนฟังก้าวถอยห่างเรื่อยๆ จนกระทั่งปลายส้นเท้าชนเข้ากับบานประตูห้องห้องหนึ่งซึ่งเขาก็ไม่รู้ว่ามันคือห้องอะไร แขนยาวเท้ากับบานประตูเพื่อกักร่างที่กำลังจะหนีไปเอาไว้

“ต..แต่นี่ไม่ใช่ ผม..ผมไม่ทำ!

แรงกระชากที่เอวทำให้จุนมยอนเซเข้ามาปะทะกับอ้อมอกของชานยอลอย่างไม่เต็มใจเลยสักนิด จุนมยอนพยายามดิ้นรนสุดหนทาง พยายามทั้งผลักและดันอีกคนที่กำลังกอดร่างตนเองเอาไว้ออกอย่างรังเกียจ แต่ก็พ่ายแพ้ให้กับคนที่มีพละกำลังมากกว่าอยู่ดี

“ลองดูสักนิดแล้วอาจจะติดใจ งานดีเงินดีแบบนี้ หาไม่ได้ง่ายๆนะ”

                ชานยอลกดยิ้มลึกพร้อมกับผลักบานประตูที่อยู่เบื้องหลังจุนมยอนให้เปิดออก นึกขอบคุณในความโง่ของอีกฝ่ายเหมือนกันที่หนีมาได้ถูกที่ซะเหลือเกิน อ้อมแขนแกร่งรั้งร่างที่ดิ้นรนทั้งเตะทั้งถีบพร้อมกับผลักจนคนตัวเล็กกว่าล้มลงไปกองอยู่ที่พื้นข้างเตียงใหญ่ภายในห้อง ช่วงขายาวก้าวพาตัวเองเขามาภายในห้องแล้วกดล็อกประตูลงกลอนต่อหน้าต่อตาคนที่ล้มกองอยู่ที่พื้น

“ไอ้ตัณหากลับ ไอ้เลว”

จุนมยอนดันตัวลุกขึ้นยืนแล้วคว้าหมอนที่อยู่ใกล้มือเขวี้ยงใส่คนที่กำลังเดินตรงเข้ามาหาตน ก่อนจะรีบวิ่งไปที่ประตู ฝ่ามือเล็กลนลานปลดล็อกกลอนประตูที่ล็อคแน่น ก่อนช่วงเอวจะถูกรั้งจากอ้อมแขนแข็งแรง

“ดีๆไม่ชอบใช่ไหม!!

แรงเหวี่ยงจนจุนมยอนล้มลงไปนอนจุกอยู่บนเตียง มันยังไม่ทำให้คนตัวเล็กหวาดกลัวเท่ากับผู้ชายเจ้าของห้องที่กำลังคลานขึ้นเตียงมาช้า ฝ่าเท้าเล็กพยายามถดกายพาตัวเองหนีออกห่างจากชานยอลให้มากที่สุด แต่มือหนาที่รั้งข้อเท้าเอาไว้ พร้อมกับกระชากแรงๆ จนต้องเสียหลักล้มลงนอนมันเปิดโอกาสให้คนตัวสูงกักขังร่างกายของเขาเอาไว้ใต้ร่างได้อย่างง่ายดาย

“ปล่อย!!! อื้อ!!!!

ชานยอลเอามือตะปบปากคนที่ร้องออกมาเสียงดัง ใช้มือข้างที่ว่างปลดเสื้อเชิ้ตที่สวมใส่อยู่ออก แล้วใช้ผ้านั้นรัดปิดปากคนที่แหกปากร้องเสียงดังเอาไว้ ก่อนจะกดข้อมือเล็กให้แนบลงกับเตียง แต่จุนมยอนก็ยังคงมีฤทธิ์เยอะเหลือเกิน เรียวขาเล็กทั้งตะทั้งถีบไม่ยั้งจนคนที่เริ่มโมโหกระชากเสื้อนอนตัวบางจนมันขาดออก

“ฮื้อออออ!!!!

ราวกับมันจะขาดใจตายเสียให้ได้ตอนนี้ในตอนที่ริมฝีปากอีกคนกดแนบลำคอมา สัมผัสหยาบโลนที่บีบเค้นคลึงไปทั่วร่างกาย ริมฝีปากที่ดูดดึงไปทั่วทั้งแผ่นอกจนมันขึ้นรอยแดงช้ำ ทำให้จุนมยอนรู้สึกขยะแขยงตัวเอง อยากจะกรีดร้องออกมาแต่เสียงของเขาก็ไม่สามารถผ่านออกไปได้

“ถ้ายอมฉันดีๆ ก็จะไม่ต้องเจ็บตัวนะ”

หยดน้ำตาซึมออกมาทางหางตาอย่างอดสูกับชีวิต สัมผัสร้อนที่ลากผ่านหน้าท้องจนต่ำลงไปกว่านั้น กางเกงนอนก็ถูกดันออกไปให้พ้นทางพร้อมกับชั้นใน เรียวขาขาวพยายามถีบคนบนร่างให้พ้นไปด้วยแรงเฮือกสุดท้ายที่มี แต่กลับต้องเจ็บตัว เพราะฟันซี่คมที่งับลงกับต้นขาด้านใน ทำให้จุนมยอนต้องสะดุ้งแล้วพยายามดันตัวขึ้นผลักร่างอีกคนให้ห่างออกไป

เสียงริมฝีปากกับผิวเนื้ออ่อนสัมผัสกันดังก้องชัดเจนภายในหู มันสร้างความพึงพอใจให้กับคนกระทำ หากแต่คนถูกกระทำเหมือนกับกำลังฉีกร่างกายและหัวใจที่สะอาดบริสุทธิ์ออกเป็นชิ้นๆ ความบริสุทธิ์ที่ถูกชำแรก นอกจากเพียงปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมา จุนมยอนก็ไม่สามารถทำอะไรได้ไปมากกว่านี้

ร่างกายที่สั่นคลอนเพราะแรงปรารถนาของอีกคน แม้จะพยายามตะเกียกตะกายหนีสักเพียงไหน ดิ้นจนสุดแรงแค่ไหน แต่ก็ไม่รอดพ้นเงื้อมมือของปาร์คชานยอลไปได้เลย...






เช้าวันใหม่ที่ตื่นขึ้นมาอย่างสบายตัวเพราะเมื่อคืนไม่มีเรื่องอะไรให้ต้องกังวลเท่าไหร่นัก และอาจจะเป็นเพราะคุณชานยอลด้วยที่ทำให้คยองซูวางใจจนหลับลึกเสียจนแทบจะตื่นสาย ถ้าไม่ได้เจ้าของห้องมาเคาะประตูปลุก เหลือบมองพื้นที่ว่างข้างกายปราศจากเงาของผู้เป็นพี่ก็รู้สึกแปลกใจ แต่ก็พยายามไม่คิดอะไรมากตรงเข้าห้องน้ำแล้วจัดการตัวเองให้เรียบร้อย ใช้เวลาเพียงสิบห้านาทีก็ออกมานั่งที่โต๊ะทานข้าวด้วยชุดเครื่องแบบนักเรียนเรียบร้อย โดยไม่ลืมส่งยิ้มให้กับผู้ชายตัวสูงที่ส่งขนมปังปิ้งมาให้กับเขา

“พี่จุนมยอนล่ะครับ?”

ชานยอลเหลือบมองหน้าเด็กหนุ่มตาโต ก่อนจะเอื้อมมือไปขยี้ผมเบาๆ พร้อมกับส่งยิ้มให้แล้วควักธนบัตรปึกหนึ่งออกจากกระเป๋าสตางค์วางลงบนโต๊ะข้างๆจานของคนตัวเล็ก

“ค่าขนมวันนี้ แล้วก็อย่าลืมทานข้าวกลางวันด้วยล่ะ”

รอยยิ้มที่ประดับบนใบหน้าหล่อทำให้คยองซูพยักหน้ารัวๆแล้วพูดตลอดช่วงเวลาทานอาหารเช้าว่าคุณชานยอลใจดีอย่างนั้น คุณชานยอลใจดีอย่างนี้ แต่ก็ยังพยายามสอดสายตามองหาพี่ชายที่หายหน้าหายตาไปตั้งแต่ตื่นลืมตา ถ้านายรู้ความจริง นายอาจจะไม่พูดกับฉันแบบนั้นก็ได้คยองซู..

“คยองซูตั้งใจเรียนนะ พี่ขอเข้าไปนอนพักก่อนล่ะ”

บอกกับคนตัวเล็กและอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปลูบหัวเด็กน้อยตาโตอีกครั้ง ทันทีที่ก้าวเข้ามาภายในห้องมือหนาก้มลงเก็บเศษเสื้อที่ขาดวิ่นและกระจัดกระจายอยู่ที่พื้นให้เข้าที่เข้าทาง ก่อนจะค่อยๆปลดผ้าที่คาดปิดปากของคนที่ยังคงหลับสนิทอยู่ออกอย่างแผ่วเบา

“ค..คยอง..ซู..”

เสียงละเมอชื่อของน้องชายทำให้คนมองนึกเอ็นดู เอื้อมมือไปลูบเส้นผมสีแดงเพลิงนั้นอย่างแผ่วเบา พร้อมกับกดจูบลงกลางหน้าผากเล็ก มือหนาลากสัมผัสไปบนร่างเปลือยเปล่าช้าๆ ลูบแผ่วเบาตรงรอยช้ำก่อนจะสอดแขนเข้ากอดเอวบางและเอนกายลงนอนเคียงข้าง ปลายจมูกโด่งกดจูบลงบนหัวไหล่เนียนพร้อมกับหลับตาลงช้าๆ สูดกลิ่นกายของคนในอ้อมกอดราวกับเป็นสิ่งเสพติด ยิ่งได้สัมผัสก็ยิ่งอยากกอดอยากสัมผัสให้มากกว่านี้

เพราะปาร์คชานยอลไม่ใช่คนดีอย่างที่คยองซูเคยพร่ำบอก เขาก็เป็นแค่ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง ที่ยังจมอยู่ในวังวนของรัก โลภ โกรธ หลง อันที่จริงแล้วกับจุนมยอนนั้นเขาเฝ้ามองมาเป็นแรมปี ทุกครั้งที่โผล่หัวไปที่ผับของพี่มินซอกทีไร เขาก็มักจะคอยลอบมองเด็กเสิร์ฟตัวเล็กที่ทำงานอย่างหนักตลอดคืน ไม่เคยปริปากบ่นสักคำ เขาถูกใจจุนมยอนตั้งแต่ครั้งนั้น และก็ไม่คิดว่าโชคชะตาหรือความบังเอิญจะนำพาให้ผู้ชายตัวเล็กคนนั้นมาสู่อ้อมกอดของเขาได้


                และเมื่อตกมาอยู่ในอ้อมกอดเขาแล้ว ก็คงไม่ยอมปล่อยไปง่ายๆแน่นอน..




              Coming soon......

             ปล. ทุกคนจะได้กินพี่จุนกันอย่างทั่วถึงในฟิคเรื่องนี้ ไม่ต้องกลัวเมะในดวงใจท่านจะน้อยหน้า เพราะเรายังยืนยันว่าพี่ซูโฮกินกับอะไรก็อร่อย อิอิ หากถูกใจกรี๊ดใส่อิคนแต่งหลายๆที จะมีกำลังใจในการแต่งอย่างยิ่ง นะจ๊ะๆๆๆ >3<
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น