Intro
สัมภาระต่างๆถูกผู้เป็นเจ้าของห้องเช่าขนาดเล็กโยนออกมาจากภายในห้อง
เหตุเพราะผู้ที่อาศัยไม่ยอมจ่ายค่าเช่า
แม้จะสงสารแต่เงินทองในทุกวันนี้มันก็เป็นสิ่งจำเป็นที่ทุกคนต้องใช้เลี้ยงปากเลี้ยงท้อง
แล้วการที่เขาผัดผ่อนให้จนย่างเข้าเดือนที่สามแล้ว ก็ถือว่าช่วยเพื่อนมนุษย์มากเกินพอแล้ว
อีกอย่างห้องเช่าแห่งนี้ไม่ใช่สถานสงเคราะห์ที่จะให้ใครมาอยู่ฟรีๆ
ค่าน้ำค่าไฟก็ต้องจ่าย
หากความสงสารมันจะสร้างความลำบากให้เห็นทีก็คงช่วยเหลือต่อไปไม่ไหว
“พี่ครับ ผมขอเวลาอีกสักอาทิตย์เถอะนะครับ พี่จุนมยอนกำลังหาเงินมาจ่ายค่าห้องให้อยู่”
เด็กหนุ่มตัวเล็กวิ่งเข้าไปกอดขาอ้อนวอนกับหญิงสาวที่เป็นเจ้าของอพาร์ทเมนท์แห่งนี้ด้วยเสียงที่สั่นเครือ
พยายามต่อรองและขอความเห็นใจ
ในเมื่อตัวเขาเองเป็นแค่เด็กอายุสิบแปดที่กำลังจะจบชั้นมัธยมปลาย
แม้จะอ้อนวอนขอร้องพี่ชายเรื่องขอพักเรื่องเรียนแล้วออกมาช่วยทำงาน
แต่พี่จุนมยอนก็ยังยืนยันจะให้น้องอย่างเขาเรียน
อีกทั้งค่าเช่าห้องที่พี่จุนมยอนเก็บไว้จากเงินค่าจ้างที่ไปเป็นเด็กเสิร์ฟ
หรือเด็กล้างจานก็เอามาจ่ายค่าเทอมของเขาไปหมดแล้ว
“คยองซู!!”
คยองซูหันไปตามเสียงเรียกก็พบว่าเป็นพี่ชายที่วิ่งมา เสื้อยืดเก่ากับกางเกงผ้าขาดๆที่ผู้เป็นพี่สวมติดกายแล้วลองมองย้อนดูตัวเขาเองที่ยังคงอยู่ในชุดนักเรียนใหม่เอี่ยม
พลันน้ำตาก็ไหลออกมาไม่หยุดเมื่อพี่ชายลงไปคุกเข่าก้มหัวขอร้องป้าเจ้าของหอเพื่อให้เราทั้งสองยังมีที่ซุกหัวนอนต่อไป
“ผมจะรีบทำงานหาเงินมาให้ ขอร้องล่ะครับ ขอเวลาผมอีกสามวัน”
หญิงเจ้าของหอพักมองแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ
แม้อยากจะช่วยแต่เขาแปะประกาศและมีคนติดต่อขอเช่าห้องนี้เรียบร้อยแล้ว แล้วสามวันที่ว่าของเด็กคนพี่ก็ไม่รู้จะมีเงินมาให้เขาจริงหรือไม่
ถึงจะถูกมองวาใจไม้ไส้ระกำยังไง เขาก็ต้องให้เด็กทั้งสองย้ายออกไปจากหอภายในวันนี้
“จุนมยอน..คยองซู ฉันขอโทษนะ”
สิ้นคำนั้น จุนมยอนก็ตรงเข้าไปโอบกอดน้องชายตัวเล็กที่ร้องไห้เอาไว้แนบกับอก
คนเป็นพี่เอื้อมมือลูบผมนุ่มลื่นมือของน้องชายอย่างแผ่วเบา
ไม่รู้ว่าชาติที่แล้วเราสองพี่น้องไปทำกรรมอะไรกับใครเอาไว้ ชาตินี้ถึงได้ต้องมาพบเจออะไรแบบนี้
คยองซูคนในครอบครัวคนเดียวของเขาที่เหลืออยู่ถูกมองว่าเป็นคนที่ทำให้แม่ต้องจากโลกนี้ไป
เพียงเพราะหลังจากที่แม่คลอดคยองซูออกมาได้ ท่านก็สิ้นใจ
และจุนมยอนลูกชายคนโตที่ทำให้พ่อตัวเองต้องตาย
อุบัติเหตุในตอนที่เขาอายุได้สิบห้าปีทำให้เขาก้าวผ่านความตายมา
เพียงเพราะได้หัวใจของคนเป็นพ่อที่มันกำลังเต้นอยู่ในอก
เราสองพี่น้องถูกสังคมรุมประณามว่าเป็นคนที่ทำให้พ่อแม่ต้องตาย..
“ไม่เป็นไรนะคยองซู เราก็แค่ย้ายที่อยู่ใหม่ไง ไม่เป็นไรหรอก
นี่อีกสองสามวันเงินที่พี่เก็บก็พอจะห้องเช่าถูกๆได้สักห้องแล้ว”
จุนมยอนฝืนยิ้มให้น้องชายก่อนจะก้มลงเก็บเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายลงกระเป๋า
โดยมีน้องชายคอยเก็บข้าวของลงกระเป๋าช่วยอยู่เคียงข้าง
คยองซูกำลังร้องไห้อย่างหนัก ร้องจนเขารู้สึกสงสารน้องใจแทบขาด
คยองซูชอบตัดพ้อและต่อว่าตัวเอง น้องมักจะพูดว่าเป็นเพราะเจ้าตัวทำให้เขาต้องออกจากโรงเรียนเพื่อมาทำงานหาเงินส่งเสียน้องเรียนแทน
แต่ถึงใครจะมองยังไงแต่คนเป็นพี่อย่างเขาการที่ได้เห็นน้องชายมีอนาคตที่ดีนั่นก็ถือเป็นความสุขที่สุดแล้ว
“วันนี้ที่โรงเรียนเป็นยังไงบ้าง?”
สองพี่น้องที่เดินเลียบอยู่ริมฟุตบาทพร้อมกับหอบกระเป๋าเสื้อผ้าใบใหญ่ที่เป็นสิ่งเดียวที่มีติดกายเอาไว้
จุนมยอนเลือกที่จะส่งยิ้มให้ไปแล้วถามน้องชายที่เอาแต่เงียบมาตลอดทาง
“ก็ดีครับ วันนี้อาจารย์ชมว่าผมทำคะแนนได้ดี”
ฝ่ามือเล็กกำกระเป๋าไว้แน่นพร้อมกับก้มหน้าลงหลบสายตาพี่ชาย
ที่บอกออกไปอาจารย์ก็เอ่ยชมและพูดแบบนั้นจริงๆ
แต่เรื่องที่เขาบอกพี่จุนมยอนไปไม่หมดคือเงินค่าขนมที่พี่จุนมยอนให้ไปเมื่อเช้าถูกพวกที่เกเรขโมยไป
หนำซ้ำยังโดนรังแกและถูกใช้ให้ทำการบ้านแทน
แต่ปัญหาต่างๆที่ชวนหนักใจแบบนี้เขาเลือกที่จะเก็บเอาไว้กับตัว
ไม่อยากให้พี่ต้องมาเครียดหรือกังวลด้วยอีก
“ก็ดีแล้ว..คยองซูต้องขยันเรียนนะ อีกหน่อยพอเข้ามหาลัยคงใช้เงินเยอะน่าดูเลย”
คยองซูเหลือบมองหน้าคนเป็นพี่ที่ทอดสายตามองไปยังหนทางเบื้องหน้า
รอยยิ้มบางๆที่จุดขึ้นบนมุมปากของพี่ชายนั้น ทำให้น้องชายตัวเล็กโผเข้ากอดเอวพี่ชายไว้
แล้วซุกใบหน้าเปื้อนน้ำตาลงกับแผ่นหลังที่ไม่กว้างเท่าไหร่นักของคนเป็นพี่
“ผมไม่เรียนต่อมหาลัยแล้ว ให้ผมได้ช่วยพี่นะ ผมไม่อยากเรียนอะไรอีกแล้ว”
ดวงตาหม่นแสงหรุบมองอ้อมแขนเล็กๆของน้องชายที่โอบรัดเอวตนเองไว้
ก่อนจะยิ้มออกมาบางเบา มือของคนเป็นพี่ลูบไปมาบนท่อนแขนเล็กๆของน้องชายอย่างอ่อนโยน
“ไม่ได้หรอก
ในเมื่อพี่รับปากกับพ่อแล้วว่าจะดูแลน้องให้ดีที่สุด..ดังนั้นสิ่งที่คยองซูจะตอบแทนให้พี่และพ่อได้ก็คือตั้งใจเรียนนะ”
คยองซูพยักหน้าแรงๆพร้อมกับครางอู้อี้ฟังไม่ได้ศัพท์เท่าไหร่นัก
แต่ก็ทำให้คนเป็นพี่รู้สึกเบาใจที่อย่างน้อยน้องก็จะได้มีอนาคตที่สดใส
มีหน้าที่การงานที่ดีโดยที่เขาไม่ต้องมานั่งห่วงหรือกังวลว่าถ้าหากไม่มีเขาแล้วคยองซูจะอยู่อย่างไร
ดูแลตัวเองได้ไหม
จนเย็นย่ำที่สองพี่น้องเดินลากขาหาที่ซุกหัวนอน แต่ราคาห้องแม้จะถูกมากเพียงใด
เงินจำนวนหนึ่งที่ติดตัวมาของจุนมยอนก็มีไม่มากพอที่จะจ่ายค่าห้อง
อย่างน้อยก็คงต้องทำงานอีกเกือบๆอาทิตย์ไหนจะค่ากิน
ค่าอยู่ที่ต้องให้คยองซูไปโรงเรียนอีก จนกระทั่งเราทั้งสองพี่น้องมาหยุดอยู่ตรงใกล้ๆกับสถานีรถไฟฟ้า
คยองซูก็ทรุดตัวลงนั่งกับพื้นจนพี่ชายอย่างเขาทำอะไรไม่ถูก เมื่อเห็นน้องชายเอาแต่ร้องโอดโอย
“คยองซูเป็นอะไร คยองซู!!”
เจ้าของชื่อเพียงแค่ส่ายหน้าแล้วลงไปนั่งกุมท้องอยู่กับพื้น
ปวดท้องเพราะไม่ได้กินอะไรตั้งแต่บ่าย จนกระทั่งตอนนี้ก็ปาเข้าไปสี่ห้าทุ่มแล้ว
แต่เขาก็แค่ไม่อยากทำให้พี่จุนมยอนต้องเดือดร้อนไปมากกว่านี้อีกแล้ว
แต่น้ำย่อยที่มันกัดกระเพาะมันทำเอาเขาทรมานจนแทบเดินต่อไม่ไหว
“คยองซู ไม่ได้กินข้าวใช่ไหม!”
ฝ่ามือเล็กกุมใบหน้าของน้องชายที่ยังพยายามกัดฟันทนและไม่ยอมปริปากพูดอะไร
จนเห็นว่าเขาน้ำตาไหลออกมานั่นล่ะคยองซูถึงได้ยอมเล่าเรื่องที่ไม่มีเงินกินข้าว และโดนเพื่อนรังแกให้กับพี่อย่างเขา
ยิ่งฟังก็ยิ่งสงสารน้องจับใจ จุนมยอนลูบหัวพร้อมกับบอกน้องให้รออยู่ตรงนี้
และรีบวิ่งออกไปในทันที
“พี่จุนมยอน..ผม..ผมทนไหว..”
ฝ่ามือเล็กกุมท้องเอาไว้แน่น พยายามร้องท้วงคนเป็นพี่เอาไว้
แต่ดูท่าว่าความพยายามจะสูญเปล่าและเรี่ยวแรงที่จะวิ่งตามในตอนนี้ก็แทบไม่มี
ทำได้แค่นั่งกอดเข่าแล้วซุกหน้าลงกับหน้าขาอยู่แบบนั้น
“หนู..เป็นอะไรรึเปล่า?”
ดวงตาคู่โตค่อยๆเงยหน้าสบกับคนที่เรียกชื่อ ก่อนจะสะดุ้งเบาๆเมื่อผู้ชายตัวสูงตรงหน้าเป็นใครก็ไม่รู้
มือใหญ่ๆเอื้อมมาลูบหัวเขาเอาไว้
ใบหน้าที่หล่อเหลากำลังคลี่ยิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยน
หรือว่าฟ้าส่งเทวดาให้มาช่วยคยองซูกันนะ...
“คยองซู..คยองซู!!”
หลังจากได้ขนมปังจากร้านสะดวกซื้อที่ใกล้ที่สุดพร้อมกับยาเคลือบกระเพาะ จุนมยอนก็รีบวิ่งกลับมายังบริเวณที่น้องชายทรุดตัวลงนั่งอยู่
แต่ก็ต้องตกใจเมื่อมีผู้ชายตัวสูงที่ดูท่าทางไม่น่าไว้ใจ
ทำให้เขาต้องตรงเข้าไปผลักคนคนนั้นให้ออกห่างจากคยองซู
ก่อนจะใช้ร่างตัวเองกำบังน้องชายตัวเล็กเอาไว้
“นายเป็นใคร!!!”
ผู้ชายที่ถูกถามลอบมองใบหน้าหวานที่แม้จะมอมแมมไปบ้างพร้อมกับจุดยิ้มที่มุมปาก
รูปร่างบอบบางไม่ต่างจากเด็กผู้ชายตัวเล็กที่ดูเหมือนจะเป็นน้องชายทำให้ชานยอลใช้สายตาสำรวจคนตรงหน้า
จนคนถูกมองอย่างเปิดเผยชักสีหน้าไม่พอใจ
“คยองซูป่ะ..ไปกัน ลุกไหวใช่ไหม?”
เมื่อดูท่าว่าการคุยกับผู้ชายคนนี้จะเสียเวลาเปล่า
จุนมยอนจึงหันกลับมาสนใจน้องชายตนเองแทน
อ้อมแขนเล็กประคองน้องชายให้ลุกขึ้นยืนพร้อมกับถามไถ่เรื่องอาการปวดท้อง
แต่สิ่งที่แปลกใจคือคำบอกเล่าจากคยองซูว่าผู้ชายที่ไม่น่าไว้ใจที่ยืนอยู่นี้เป็นคนช่วยน้องชายของเขาเอาไว้
“พี่จุนมยอนคุณคนนี้เขาเป็นคนดีนะ”
จุนมยอนหันไปมองใบหน้าซื่อๆของน้องชาย
ก่อนจะหันกลับมามองผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าอีกครั้ง รอยยิ้มกวนๆที่ส่งมา
ทำให้คนเป็นพี่รู้สึกลังเลใจ
บางทีคยองซูอาจจะไม่ทันคนและเขาก็เห็นประกายบางอย่างในแววตาคู่นั้นที่ทอดมองมา
ซึ่งมันไม่น่าไว้ใจ
“อย่าไว้ใจใครง่ายๆคยองซู”
คนเป็นพี่พยายามรั้งแขนน้องให้เดินหนี
แต่คนที่ถูกกล่าวหาว่าไม่น่าไว้ใจกลับเป็นคนรั้งแขนของพี่ชายคยองซูเอาไว้แทน
“ผมช่วยพวกคุณได้นะ พวกคุณไม่มีที่พักไม่ใช่หรอ?”
จุนมยอนตวัดสายตามองหน้าผู้ชายตัวสูงตรงหน้าอย่างไม่เป็นมิตร
ก่อนจะพยายามรั้งแขนตัวเองกลับแต่คยองซูกลับเอนเอียงและดูจะเชื่อใจผู้ชายแปลกหน้าคนนี้จนเขาต้องหันมาเกลี้ยกล่อมน้องเสียใหม่
“ผมเต็มใจจะช่วยจริงๆนะ
อีกอย่างคอนโดที่ผมก็อยู่ใกล้ๆจากที่เรายืนคุยกันอยู่ตรงนี้
และผมก็ไม่ค่อยได้มาพักด้วย แค่ซื้อเอาไว้ เห็นว่าพวกคุณลำบากก็เลยอยากช่วย”
จุนมยอนชั่งใจแล้วหันกลับมาสบตากับผู้ชายที่ออกปากจะช่วยเหลือตนอีกครั้ง
แม้จะรู้สึกไม่ค่อยไว้ใจ แต่สถานการณ์ในตอนนี้ที่ไม่มีทางให้เลือกมากนัก
ทำให้เขาตัดสินใจพยักหน้ารับไป ก็ในเมื่อมันอับจนหนทางขนาดนี้แล้ว
และถ้าหากผู้ชายคนนี้เล่นตุกติกหรือทำอะไรคยองซูน้องชายของเขาแม้แต่นิดเดียว
เขาก็เอาถึงตายเหมือนกัน
“งั้นก่อนอื่นผมขอแนะนำตัวล่ะนะครับ ผมปาร์คชานยอล..ยินดีที่ได้รู้จัก...”
เจ้าของชื่อเอ่ยแนะนำตัวก่อนจะเอื้อมมือไปคว้ากระเป๋าใบใหญ่ในมือคนตัวเล็กทั้งสองมาถือไว้เอง
บอกตามตรงในตอนแรกที่เข้าไปก็เพราะเห็นว่าเด็กผู้ชายตัวเล็กๆที่ใส่เครื่องแบบมัธยมปลายนั้นน่าสงสารก็เลยเข้าไปช่วยแบบไม่คิดอะไร
แต่พอได้ฟังคำบอกเล่าจากคนตัวเล็กถึงชะตากรรมที่เจ้าตัวต้องพบเจอก็อดสงสารไม่ได้
แต่สิ่งที่ทำให้พลั้งปากจะให้ร่วมอยู่อาศัยที่คอนโดที่ป๊ากับม๊าซื้อให้ไว้แบบฟรีก็ไม่พ้นพี่ชายของเด็กที่ชื่อคยองซูนั่นหรอก แววตาที่ดูต่อต้านนั้นมันน่าค้นหา
ใบหน้าหวานก็ดูน่าหลงใหล หากถูกจับแต่งตัวเสียใหม่คงน่ามองและน่าหลงใหลไม่น้อย
จุนมยอน..เราคงต้องเจอกันสักตั้งนะ..
กระเป๋าใบโตสองใบถูกหิ้วมาวางไว้ภายในห้องนอนเล็กๆแต่ถ้าเทียบกับห้องพักที่เขาทั้งสองพี่น้องถูกไล่ออกมาก่อนหน้านี้
ก็ถือว่าใหญ่โตและกว้างขวางไม่เบา
เจ้าของห้องเพียงแค่ส่งยิ้มให้พร้อมกับออกปากว่าถ้าหากมีอะไรขาดเหลือก็ให้บอกได้เลย
“พี่จุนมยอน..คุณชานยอลเขาเป็นคนดีจริงๆนะ”
เสียงของคยองซูดึงสติของคนเป็นพี่ให้กลับมาอีกครั้ง
น้องชายตัวเล็กของเขาตั้งแต่ก้าวเข้ามาภายในห้องก็ยิ้มจนแก้มปริ
พร้อมกับยืนยันและดูจะมั่นใจเหลือเกินว่าคนที่ให้ที่พักที่อาศัยคนนั้นเป็นคนดีอย่างที่ตนเองเชื่อ
แต่ไม่รู้สิ จุนมยอนยังไม่มั่นใจ ยังบอกไม่ได้
ประกายบางอย่างในแววตานั้นมันยังทำให้เขารู้สึกไม่ค่อยวางใจ
“พี่จะพยายามเก็บเงินแล้วหาที่พักใหม่ให้เร็วที่สุดนะ”
คยองซูลอบถอนหายใจก่อนจะมองตามหลังพี่ชายที่คว้าเสื้อผ้าในกระเป๋าออกมาแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป
อยากจะให้พี่จุนมยอนวางใจกว่านี้ และก็ได้แต่หวังและภาวนาว่าคุณชานยอลที่เปรียบเสมือนเทวดาของเขา
จะเป็นคนดีจริงๆอย่างที่เขาเชื่อ..
หลังจากผู้อาศัยทั้งสองอาบน้ำอาบท่าเรียบร้อยแล้ว
เจ้าของห้องตัวสูงก็เดินไปเคาะประตูพร้อมกับเรียกมากินข้าวพร้อมกัน
สำหรับคนที่งานแทบทับตัวอย่างเขา การทานอาหารเย็นในเวลาประมาณสี่ห้าทุ่มจึงถือเป็นเรื่องปกติ
หลังจากจัดโต๊ะเรียบร้อยและนั่งรออยู่พักใหญ่ทั้งสองพี่น้องก็ก้าวออกมา
ก่อนจะหย่อนกายนั่งลงร่วมโต๊ะด้วยท่าทางติดประหม่า
“คยองซูโอเคขึ้นแล้วใช่ไหมครับ?
ที่เราปวดท้องวันนี้ก็เพราะทานข้าวไม่เป็นเวลานะ”
คนที่นั่งหัวโต๊ะเอื้อมมือตักอาหารใส่จานข้าวของเด็กหนุ่มตาโตพร้อมกับส่งยิ้มบางๆให้
พร้อมๆกับที่รู้ว่าตัวเองกำลังตกเป็นเป้าสายตาของใครอีกคน
ชานยอลเลือกที่จะแกล้งทำเป็นไม่รู้
แล้วก้มหน้าก้มตาทานอาหารไปสลับกับที่คอยตักโน่นตักนี่ให้คยองซูที่ดูจะเกรงใจไปเรื่อยๆ
หลังจากที่มื้ออาหารนี้ทุกคนต่างก็อิ่มหนำกันไปเป็นที่เรียบร้อย
จุนมยอนและคยองซูเลือกที่จะตอบแทนเจ้าของห้องด้วยการเก็บโต๊ะและล้างจานให้
แม้ว่าชานยอลจะออกปากว่าให้แม่บ้านมาจัดการพรุ่งนี้ก็ได้
แต่สองพี่น้องก็ไม่ฟังจัดการล้างทำความสะอาดเสียเรียบร้อย
“ฉันอุ่นนมไว้ให้ วางอยู่ที่โต๊ะหน้าทีวีน่ะ”
คยองซูตอบรับคำขอบคุณเสียงดัง ก่อนจะเดินตามหลังเจ้าของห้องไป
ซึ่งผิดกับคนเป็นพี่ที่ได้แต่มองตามแผ่นหลังกว้างนั้นอย่างไม่เข้าใจ
คิมจุนมยอนคนนี้ไม่เชื่อเด็ดขาดว่าผู้ชายคนนั้นจะไม่หวังอะไรเลย
เพราะขนาดคนที่มีน้ำใจจะช่วยเหลือเขามากขนาดไหน
ถ้าไม่มีผลประโยชน์อะไรก็คงไม่หยิบยื่นหรือยื่นมือมาช่วยหรอก
จุนมยอนได้แต่มองมือใหญ่ๆของชานยอลที่ลูบหัวคยองซูอย่างเอ็นดู
แววตาที่ทอดมองคยองซูก็ดูไม่มีอะไร แต่ในเวลาที่ได้สบตากันทีไร
ทำไมเหมือนมีอะไรบางอย่างอยู่ในแววตาคู่นั้นที่เขาก็คาดไม่ถึง
“จุนมยอนรังเกียจผมขนาดนั้นเลยหรอ?”
คำตัดพ้อของเจ้าของห้องทำให้จุนมยอนตัดสินใจเดินไปนั่งลงข้างๆน้องชาย
จงใจเบียดเจ้าของร่างสูงให้ขยับห่างออกไปจากน้องชายตนเอง
พร้อมกับรับแก้วนมที่อีกคนส่งมาให้
วินาทีที่มือสัมผัสกันทำให้จุนมยอนต้องรีบชักมือกลับอย่างรวดเร็ว พร้อมกับยกนมขึ้นดื่มแล้วรีบเร่งให้คยองซูที่มัวแต่หัวเราะกับรายการวาไรตี้ในทีวีให้รีบกินและรีบเข้านอน
“คยองซูเรียนชั้นไหนแล้ว?”
จู่ๆชานยอลก็เลือกที่จะเปิดบทสนทนาขึ้นเพื่อดึงความสนใจของคนทั้งคู่
และเด็กน้อยตาโตก็ตอบออกมาว่าอยู่มัธยมปลายปีสุดท้ายแล้ว
คำตอบพร้อมรอยยิ้มทำให้เขานึกเอ็นดูน้องชายตาโตอย่างห้ามไม่ได้
คยองซูดูสดใสและบอบบาง
จนถ้าหากเขาเป็นพี่ชายก็คงจะปกป้องอย่างที่จุนมยอนทำอยู่แน่นอน
“แล้วจุนมยอนล่ะ?”
เป็นคำถามที่ไร้การตอบรับพร้อมกับจุนมยอนที่พยายามฉุดแขนน้องให้ลุกเข้าห้องไปด้วยกัน
แต่คนเป็นน้องกลับตอบคำถามแทนพี่ชายเสียเอง
“พี่จุนมยอนไม่ได้เรียนแล้ว พี่เค้าทำงานเพื่อส่งผมเรียน”
จุนมยอนไม่เคยไม่พอใจแบบนี้และคิดว่าคยองซูไม่เคยดื้อกับตนมาตลอด
แต่สิ่งที่น้องชายตัวเล็กกำลังทำอยู่ตอนนี้บอกตามตรงเขาไม่พอใจ
ไม่อยากให้คยองซูไว้ใจผู้ชายคนที่เพิ่งจะเจอหน้าแค่ชั่วข้ามคืนแบบนี้
ปาร์คชานยอลไม่ควรรู้เรื่องส่วนตัวอะไรของเราสองพี่น้องไปมากกว่า ถ้าหากเขาดี
มันก็คงไม่เสียหายอะไร แต่หากผู้ชายคนนี้ไม่ได้ดีอย่างที่คิด
การที่เราไว้ใจและเชื่อใจเขามากเกินไป ความเชื่อใจนั้นก็จะแว้งกลับมาทำร้ายเรา
“คยองซูไปนอนได้แล้ว”
เสียงแข็งที่ตอกกลับมาทำให้คยองซูพยักหน้ารับคำก่อนจะเดินเข้าห้องไป
จุนมยอนหันกลับมามองหน้าคนที่มีบุญคุณต่อตนเองอีกครั้ง ก่อนจะเดินตามหลังน้องชายไป
“จุนมยอนขอคุยด้วยหน่อยสิ”
คนถูกเรียกยืนลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจเดินกลับมานั่งที่โซฟาเหมือนเดิมโดยเว้นระยะห่างเอาไว้
ซึ่งชานยอลก็ไม่ได้ว่าอะไรเพียงแค่พยักหน้ารับ
ถ้าการที่จุนมยอนทำแบบนั้นแล้วจะสบายใจขึ้นและพร้อมที่จะยอมคุยกับเขาดีๆมันก็โอเค
“มีปัญหาเรื่องเงินหรอ?”
เมื่อถูกถามตรงประเด็นจุนมยอนก็ทำได้แค่พยักหน้ารับ ก่อนจะเหลือบมองหน้าคนถาม
ชานยอลเพียงแค่ทำท่าเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่
และก็หันกลับมาจ้องหน้าคนที่ตนยิงคำถามอีกครั้ง
“ผมจำเป็นต้องใช้เงิน ตอนนี้ลำพังแค่เด็กเสิร์ฟที่ผับ หรือร้านอาหารมันไม่ค่อยพอสำหรับค่าเทอมของคยองซู
และอีกหน่อยถ้าน้องเข้ามหาลัย ผม...”
จุนมยอนยั้งปากเอาไว้ก่อนที่จะมานั่งระบายความรู้สึกของตัวเองให้ผู้ชายที่ถือว่ายังเป็นคนแปลกหน้าอยู่ได้ฟัง
ดวงตาคู่สวยสอดส่ายสายตามองไปรอบๆห้อง พลางถอนหายใจอีกครั้ง
คุณชานยอลอะไรนี่คงจะมีเงินเหลือกินหรือใช้ดูจากสภาพห้อง ข้าวของเครื่องใช้
และการแต่งกาย แม้จะไม่อยากพึ่งพาหรือเกี่ยวข้องด้วย
แต่ในเวลานี้เขาก็จนปัญญาจริงๆ
“คุณมีงานอะไรที่ทำแล้วได้จะเงินเยอะๆบ้างไหม? งานอะไรก็ได้ผมไม่เกี่ยง”
หลังจากถามออกไปแล้วก็ได้แต่จ้องหน้าคนตัวสูงเพื่อรอคำตอบอีกครั้ง
ซึ่งคำตอบที่ได้เป็นเพียงแค่การส่ายหน้า
เพียงเท่านั้นจุนมยอนก็แทบอยากจะลุกหนีไปเสีย
หากแต่คำถามนั้นกลับสร้างความหนักใจให้คนถูกถามไม่เบา
“ฉันรู้จักคนไม่ค่อยมากนักหรอก และลำพังงานดีๆเงินดีๆที่ฉันจะแนะนำให้นายได้
มันก็จำเป็นต้องใช้วุฒิการศึกษา....”
เมื่อได้รับคำตอบเช่นนั้น คนฟังก็ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าพยักหน้ารับ
เขาเข้าใจดี ข้อนี้จุนมยอนเข้าใจดี การศึกษาเป็นสิ่งจำเป็น
แต่สำหรับจุนมยอนมันก็ยังสำคัญน้อยกว่าปากท้องและอนาคตของคยองซูอยู่ดี
“แต่ถ้ายอมนอนกับฉัน อยากได้เท่าไหร่ฉันยินดีให้นาย”
คำพูดนั้นทำให้จุนมยอนลุกขึ้นจากโซฟาแทบจะในทันที เรียวขาเล็กค่อยๆถดหนี
เมื่อคนที่พูดจาไม่อายปากลุกขึ้นยืนแล้วก้าวมาหาตนเองมากขึ้นเรื่อยๆ
ในที่สุดก็เข้าใจความหวังดี และความเห็นใจจอมปลอมของผู้ชายคนนี้แล้ว มนุษย์ทุกคนบนโลกนี้มันก็เป็นแบบนี้แหละ
เห็นแก่ตัว และเอาแต่ได้กันทั้งนั้น
“ทำไมล่ะจุนมยอน? ไหนบอกว่าอะไรก็ได้ทำได้ไม่เกี่ยงไม่ใช่หรือไง?”
คนฟังก้าวถอยห่างเรื่อยๆ จนกระทั่งปลายส้นเท้าชนเข้ากับบานประตูห้องห้องหนึ่งซึ่งเขาก็ไม่รู้ว่ามันคือห้องอะไร
แขนยาวเท้ากับบานประตูเพื่อกักร่างที่กำลังจะหนีไปเอาไว้
“ต..แต่นี่ไม่ใช่ ผม..ผมไม่ทำ!”
แรงกระชากที่เอวทำให้จุนมยอนเซเข้ามาปะทะกับอ้อมอกของชานยอลอย่างไม่เต็มใจเลยสักนิด
จุนมยอนพยายามดิ้นรนสุดหนทาง
พยายามทั้งผลักและดันอีกคนที่กำลังกอดร่างตนเองเอาไว้ออกอย่างรังเกียจ แต่ก็พ่ายแพ้ให้กับคนที่มีพละกำลังมากกว่าอยู่ดี
“ลองดูสักนิดแล้วอาจจะติดใจ งานดีเงินดีแบบนี้ หาไม่ได้ง่ายๆนะ”
ชานยอลกดยิ้มลึกพร้อมกับผลักบานประตูที่อยู่เบื้องหลังจุนมยอนให้เปิดออก
นึกขอบคุณในความโง่ของอีกฝ่ายเหมือนกันที่หนีมาได้ถูกที่ซะเหลือเกิน
อ้อมแขนแกร่งรั้งร่างที่ดิ้นรนทั้งเตะทั้งถีบพร้อมกับผลักจนคนตัวเล็กกว่าล้มลงไปกองอยู่ที่พื้นข้างเตียงใหญ่ภายในห้อง
ช่วงขายาวก้าวพาตัวเองเขามาภายในห้องแล้วกดล็อกประตูลงกลอนต่อหน้าต่อตาคนที่ล้มกองอยู่ที่พื้น
“ไอ้ตัณหากลับ ไอ้เลว”
จุนมยอนดันตัวลุกขึ้นยืนแล้วคว้าหมอนที่อยู่ใกล้มือเขวี้ยงใส่คนที่กำลังเดินตรงเข้ามาหาตน
ก่อนจะรีบวิ่งไปที่ประตู ฝ่ามือเล็กลนลานปลดล็อกกลอนประตูที่ล็อคแน่น
ก่อนช่วงเอวจะถูกรั้งจากอ้อมแขนแข็งแรง
“ดีๆไม่ชอบใช่ไหม!!”
แรงเหวี่ยงจนจุนมยอนล้มลงไปนอนจุกอยู่บนเตียง
มันยังไม่ทำให้คนตัวเล็กหวาดกลัวเท่ากับผู้ชายเจ้าของห้องที่กำลังคลานขึ้นเตียงมาช้า
ฝ่าเท้าเล็กพยายามถดกายพาตัวเองหนีออกห่างจากชานยอลให้มากที่สุด
แต่มือหนาที่รั้งข้อเท้าเอาไว้ พร้อมกับกระชากแรงๆ
จนต้องเสียหลักล้มลงนอนมันเปิดโอกาสให้คนตัวสูงกักขังร่างกายของเขาเอาไว้ใต้ร่างได้อย่างง่ายดาย
“ปล่อย!!! อื้อ!!!!”
ชานยอลเอามือตะปบปากคนที่ร้องออกมาเสียงดัง
ใช้มือข้างที่ว่างปลดเสื้อเชิ้ตที่สวมใส่อยู่ออก
แล้วใช้ผ้านั้นรัดปิดปากคนที่แหกปากร้องเสียงดังเอาไว้ ก่อนจะกดข้อมือเล็กให้แนบลงกับเตียง แต่จุนมยอนก็ยังคงมีฤทธิ์เยอะเหลือเกิน
เรียวขาเล็กทั้งตะทั้งถีบไม่ยั้งจนคนที่เริ่มโมโหกระชากเสื้อนอนตัวบางจนมันขาดออก
“ฮื้อออออ!!!!”
ราวกับมันจะขาดใจตายเสียให้ได้ตอนนี้ในตอนที่ริมฝีปากอีกคนกดแนบลำคอมา
สัมผัสหยาบโลนที่บีบเค้นคลึงไปทั่วร่างกาย ริมฝีปากที่ดูดดึงไปทั่วทั้งแผ่นอกจนมันขึ้นรอยแดงช้ำ
ทำให้จุนมยอนรู้สึกขยะแขยงตัวเอง
อยากจะกรีดร้องออกมาแต่เสียงของเขาก็ไม่สามารถผ่านออกไปได้
“ถ้ายอมฉันดีๆ ก็จะไม่ต้องเจ็บตัวนะ”
หยดน้ำตาซึมออกมาทางหางตาอย่างอดสูกับชีวิต
สัมผัสร้อนที่ลากผ่านหน้าท้องจนต่ำลงไปกว่านั้น กางเกงนอนก็ถูกดันออกไปให้พ้นทางพร้อมกับชั้นใน
เรียวขาขาวพยายามถีบคนบนร่างให้พ้นไปด้วยแรงเฮือกสุดท้ายที่มี แต่กลับต้องเจ็บตัว
เพราะฟันซี่คมที่งับลงกับต้นขาด้านใน
ทำให้จุนมยอนต้องสะดุ้งแล้วพยายามดันตัวขึ้นผลักร่างอีกคนให้ห่างออกไป
เสียงริมฝีปากกับผิวเนื้ออ่อนสัมผัสกันดังก้องชัดเจนภายในหู
มันสร้างความพึงพอใจให้กับคนกระทำ
หากแต่คนถูกกระทำเหมือนกับกำลังฉีกร่างกายและหัวใจที่สะอาดบริสุทธิ์ออกเป็นชิ้นๆ
ความบริสุทธิ์ที่ถูกชำแรก นอกจากเพียงปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมา
จุนมยอนก็ไม่สามารถทำอะไรได้ไปมากกว่านี้
ร่างกายที่สั่นคลอนเพราะแรงปรารถนาของอีกคน
แม้จะพยายามตะเกียกตะกายหนีสักเพียงไหน ดิ้นจนสุดแรงแค่ไหน แต่ก็ไม่รอดพ้นเงื้อมมือของปาร์คชานยอลไปได้เลย...
เช้าวันใหม่ที่ตื่นขึ้นมาอย่างสบายตัวเพราะเมื่อคืนไม่มีเรื่องอะไรให้ต้องกังวลเท่าไหร่นัก
และอาจจะเป็นเพราะคุณชานยอลด้วยที่ทำให้คยองซูวางใจจนหลับลึกเสียจนแทบจะตื่นสาย
ถ้าไม่ได้เจ้าของห้องมาเคาะประตูปลุก เหลือบมองพื้นที่ว่างข้างกายปราศจากเงาของผู้เป็นพี่ก็รู้สึกแปลกใจ
แต่ก็พยายามไม่คิดอะไรมากตรงเข้าห้องน้ำแล้วจัดการตัวเองให้เรียบร้อย
ใช้เวลาเพียงสิบห้านาทีก็ออกมานั่งที่โต๊ะทานข้าวด้วยชุดเครื่องแบบนักเรียนเรียบร้อย
โดยไม่ลืมส่งยิ้มให้กับผู้ชายตัวสูงที่ส่งขนมปังปิ้งมาให้กับเขา
“พี่จุนมยอนล่ะครับ?”
ชานยอลเหลือบมองหน้าเด็กหนุ่มตาโต ก่อนจะเอื้อมมือไปขยี้ผมเบาๆ
พร้อมกับส่งยิ้มให้แล้วควักธนบัตรปึกหนึ่งออกจากกระเป๋าสตางค์วางลงบนโต๊ะข้างๆจานของคนตัวเล็ก
“ค่าขนมวันนี้ แล้วก็อย่าลืมทานข้าวกลางวันด้วยล่ะ”
รอยยิ้มที่ประดับบนใบหน้าหล่อทำให้คยองซูพยักหน้ารัวๆแล้วพูดตลอดช่วงเวลาทานอาหารเช้าว่าคุณชานยอลใจดีอย่างนั้น
คุณชานยอลใจดีอย่างนี้ แต่ก็ยังพยายามสอดสายตามองหาพี่ชายที่หายหน้าหายตาไปตั้งแต่ตื่นลืมตา
ถ้านายรู้ความจริง นายอาจจะไม่พูดกับฉันแบบนั้นก็ได้คยองซู..
“คยองซูตั้งใจเรียนนะ พี่ขอเข้าไปนอนพักก่อนล่ะ”
บอกกับคนตัวเล็กและอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปลูบหัวเด็กน้อยตาโตอีกครั้ง
ทันทีที่ก้าวเข้ามาภายในห้องมือหนาก้มลงเก็บเศษเสื้อที่ขาดวิ่นและกระจัดกระจายอยู่ที่พื้นให้เข้าที่เข้าทาง
ก่อนจะค่อยๆปลดผ้าที่คาดปิดปากของคนที่ยังคงหลับสนิทอยู่ออกอย่างแผ่วเบา
“ค..คยอง..ซู..”
เสียงละเมอชื่อของน้องชายทำให้คนมองนึกเอ็นดู
เอื้อมมือไปลูบเส้นผมสีแดงเพลิงนั้นอย่างแผ่วเบา พร้อมกับกดจูบลงกลางหน้าผากเล็ก มือหนาลากสัมผัสไปบนร่างเปลือยเปล่าช้าๆ
ลูบแผ่วเบาตรงรอยช้ำก่อนจะสอดแขนเข้ากอดเอวบางและเอนกายลงนอนเคียงข้าง
ปลายจมูกโด่งกดจูบลงบนหัวไหล่เนียนพร้อมกับหลับตาลงช้าๆ สูดกลิ่นกายของคนในอ้อมกอดราวกับเป็นสิ่งเสพติด
ยิ่งได้สัมผัสก็ยิ่งอยากกอดอยากสัมผัสให้มากกว่านี้
เพราะปาร์คชานยอลไม่ใช่คนดีอย่างที่คยองซูเคยพร่ำบอก
เขาก็เป็นแค่ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง ที่ยังจมอยู่ในวังวนของรัก โลภ โกรธ หลง
อันที่จริงแล้วกับจุนมยอนนั้นเขาเฝ้ามองมาเป็นแรมปี
ทุกครั้งที่โผล่หัวไปที่ผับของพี่มินซอกทีไร
เขาก็มักจะคอยลอบมองเด็กเสิร์ฟตัวเล็กที่ทำงานอย่างหนักตลอดคืน
ไม่เคยปริปากบ่นสักคำ เขาถูกใจจุนมยอนตั้งแต่ครั้งนั้น
และก็ไม่คิดว่าโชคชะตาหรือความบังเอิญจะนำพาให้ผู้ชายตัวเล็กคนนั้นมาสู่อ้อมกอดของเขาได้
และเมื่อตกมาอยู่ในอ้อมกอดเขาแล้ว
ก็คงไม่ยอมปล่อยไปง่ายๆแน่นอน..
Coming soon......
ปล. ทุกคนจะได้กินพี่จุนกันอย่างทั่วถึงในฟิคเรื่องนี้ ไม่ต้องกลัวเมะในดวงใจท่านจะน้อยหน้า เพราะเรายังยืนยันว่าพี่ซูโฮกินกับอะไรก็อร่อย อิอิ หากถูกใจกรี๊ดใส่อิคนแต่งหลายๆที จะมีกำลังใจในการแต่งอย่างยิ่ง นะจ๊ะๆๆๆ >3<
ปล. ทุกคนจะได้กินพี่จุนกันอย่างทั่วถึงในฟิคเรื่องนี้ ไม่ต้องกลัวเมะในดวงใจท่านจะน้อยหน้า เพราะเรายังยืนยันว่าพี่ซูโฮกินกับอะไรก็อร่อย อิอิ หากถูกใจกรี๊ดใส่อิคนแต่งหลายๆที จะมีกำลังใจในการแต่งอย่างยิ่ง นะจ๊ะๆๆๆ >3<
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น