Chapter
1
จุนมยอนตื่นมาในช่วงบ่ายของวันถัดมา หลังจากผ่านค่ำคืนที่เลวร้ายไป
ภาวนาอยากให้เรื่องราวทั้งหมดเป็นเพียงแค่เขาคิดมากและฝันไปเอง
แต่น้ำหนักที่ยังคงวางอยู่บนช่วงเอวทำให้ต้องหลับตาลงอีกครั้ง เอื้อมมือจับท่อนแขนที่โอบกอดตนเองอยู่ให้ออกไปแต่แรงกระชับกอด
พร้อมกับรั้งร่างให้ตกไปอยู่ในอ้อมกอดอีกครั้งทำให้จุนมยอนพยายามสะบัดตัวให้หลุดพ้น
“อยู่นิ่งๆสิ”
ปลายจมูกที่ตามมากดจูบบริเวณท้ายทอยและข้างแก้มนุ่มทำให้จุนมยอนทำได้แค่นอนอยู่นิ่ง
ปล่อยให้อีกฝ่ายทำไปตามใจ
น้ำตาที่เกิดจากความโง่เขลาของตัวเองหลั่งรินลงมาอีกครั้ง ทั้งที่เอะใจตั้งแต่แรก
ทั้งที่เห็นประกายแววตาบางอย่างในดวงตาคู่นี้แต่ก็ยังโง่เดินตามเขามา
โง่เดินลงหลุมพรางทั้งที่ก็เห็นว่าถ้าหากก้าวลงไปจะต้องเจ็บตัว
แต่ก็ยังโง่ก้าวลงเพียงเพราะในความอันตรายนั้นมันก็ยังเป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุด
อย่างน้อยก็กับคยองซูน้องชายของเขา..
“คยองซูล่ะ..”
แม้จะไม่อยากคุยกับผู้ชายที่ขืนใจตนเองสักเท่าไหร่
แต่ความเป็นห่วงน้องที่สุมอยู่ในอกทำให้จุนมยอนต้องเอ่ยปากถามออกไป
และเมื่อได้รู้ว่าน้องชายของเขาไปเรียนแล้ว พร้อมกับเงินค่าขนมจำนวนมาก
ที่พี่ชายอย่างเขาไม่เคยให้น้องได้เลยสักครั้ง
ก็ยิ่งรู้สึกอึดอัดและสับสนว่าสถานะที่เขากำลังเป็นและถูกกระทำอยู่นี่มันดีต่อเขากับน้องแล้วหรือ?
“ก็อย่างที่ตกลงกัน
แค่ยอมนอนกับฉันนายก็จะมีเงินใช้ไม่ขาดมือ”
ยิ่งได้ฟังก็เหมือนยิ่งตอกย้ำว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่ไม่ต่างจากการขายตัว
จุนมยอนสะบัดตัวออกจากอ้อมกอดที่รัดรึงไว้ แล้วก้าวเดินเข้าห้องน้ำไป
แต่จังหวะที่หันกลับมาจะปิดประตูลงเจ้าของห้องกลับลุกตามออกมาแล้วรั้งบานประตูเอาไว้แทรกกายเข้ามา
พร้อมกับช้อนอุ้มร่างเปลือยเปล่าให้ขึ้นนั่งลงบนขอบอ่างล้างมือโดยไม่สนใจบานประตูห้องน้ำที่ยังคงเปิดกว้างอยู่
“ผมจะอาบน้ำ!”
เสียงแข็งที่จุนมยอนใช้สร้างความไม่พอใจให้กับคนฟังแต่ชานยอลก็เลือกที่จะมองข้ามไป
ก็ในเมื่อวันนี้เขาอุตส่าโทรไปลางานเพื่อจะได้ใช้เวลาอยู่กับจุนมยอนทั้งวัน
ถ้าหากมัวแต่มาหงุดหงิดเวลาแห่งความสุขของเขาก็คงจะลดน้อยลง
จังหวะที่มัวแต่จมอยู่กับความคิดของตัวเอง
เจ้าของเรือนร่างขาวใสก็พาตัวเองลงจากขอบอ่างแล้วเดินหนีไปยังโซนฝักบัวแทน
“เดี๋ยวฉันอาบให้..”
เสียงทุ้มกระซิบชิดใบหูนิ่มก่อนมือหนาจะรั้งไหล่เล็กให้จุนมยอนหันมาเผชิญหน้ากันแล้วตามด้วยริมฝีปากกดแนบลงมาบนเรียวปากบาง
กดย้ำจูบอยู่หลายต่อหลายทีก่อนจะยอมผละออกไป
นิ้วเรียวยาวลากผ่านตั้งแต่ท้ายทอยขาวไปตามแผ่นหลังก่อนจะหยุดลงที่บั้นท้ายกลมกลึง
“อย่า”
ชานยอลชะงักไปเมื่อฝ่ามือเล็กยกขึ้นดันอกไว้
พร้อมกับที่เจ้าของคำพูดเบี่ยงหน้าหนี แต่คนถูกห้ามก็ยังคงดึงดันต่อไป
ริมฝีปากร้อนผะผ่าวกดแนบลำคอขาวและดูดดึงเบาๆจนขึ้นรอยแดงชัดเจนขึ้น
อาการขัดขืนมีขึ้นอีกครั้งเมื่อฝ่ามือใหญ่กว่าเอื้อมลงไปสัมผัสตรงหว่างขาแล้วลากสัมผัสชวนวาบหวิวจนจุนมยอนหายใจติดขัด
“เป็นของฉันนะจุนมยอน...”
เสียงแหบพร่าที่เอ่ยอย่างเว้าวอนทำให้คนฟังใจกระตุก
ก่อนจะสบตากับเจ้าของคำพูดโดยไม่เข้าใจในเจตนาของชานยอลเลยสักนิด
ใบหน้าคมโน้มลงมาใกล้ก่อนจะบดจูบลงมาอีกครั้ง
ความอุ่นร้อนจากริมฝีปากลากจูบมาที่ฐานลำคอช้าๆโดยที่สายตาของคนทั้งสองก็ยังสบกัน
นิ้วหัวแม่มือข้างหนึ่งคลึงวนใต้ฐานยอดอก ก่อนจะลากริมฝีปากลงไปครอบครองเอาไว้ ยอดอกที่ตั้งชันถูกลิ้นร้อนไล้วนสลับกับดูดดึงจนแดงช้ำ
ชานยอลลากนิ้วสัมผัสลงมาจนถึงหน้าท้องขาวที่มีรอยแดงอยู่ประปราย
ก่อนจะลากริมฝีปากลงมาสัมผัสตามจนคนที่ยืนอยู่พยายามส่งมือไปค้ำยันกับผนังเพื่อประคองร่างตนเองให้ทรงตัวยืน
จนกระทั่งแรงกดจูบที่ต้นขาด้านในพร้อมกับขบกัดแรงๆทำให้จุนมยอนเข่าอ่อนทรุดฮวบลงไป
แต่อ้อมแขนแข็งแรงก็ตระกองกอดพร้อมกับประคองร่างขาวให้นั่งซ้อนอยู่บนตัก
“เรียกชื่อฉันได้ไหม...”
มือใหญ่กอบกุมมือของคนบนตักให้วางลงที่แผงอกของตน ก่อนจะละมือลงไปสัมผัสส่วนกลางกายช่วยปลดปล่อยสิ่งที่อึดอัดคับแน่นให้ออกมา
แต่แก้วตาใสของจุนมยอนก็ยังคงจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าคนกระทำ
จนกระทั่งก้านนิ้วยาวที่ชโลมไปด้วยคราบขุ่นคาวสอดลึกเข้ามา
ฝ่ามือเล็กถึงได้เลื่อนมาจิกลงกับไหล่กว้างแทน
“จุนมยอน..ได้โปรด..”
เสียงทุ้มอ้อนวอน
ก่อนจะส่งผ่านความต้องการที่คับแน่นของตนเองเข้าไปในร่างกายอีกคน
เรียวขาขาวถูกดันแยกออกจากกันพร้อมกับแรงโถมกายเข้าหาจนร่างทั้งร่างของจุนมยอนสั่นสะท้าน
จุนมยอนยังคงมองสบตากับคนที่แทรกกายเข้ามาในร่างตนโดยไม่คิดที่จะหลบสายตา
แม้น้ำตาจะไหลซึมออกมาเพราะความเจ็บปวดกับสิ่งที่ไม่คุ้นชิน
แต่ภาพของผู้ชายตรงหน้าก็ยังคงชัดเจน
“จุนมยอน..ของฉัน”
มือหนาประคองสะโพกของจุนมยอนขึ้นช้าๆก่อนจะย้ำกายเข้าหาในจังหวะที่ร่างขาวกดสะโพกลง
เสียงหวานที่หลุดครางทำให้ชานยอลไม่สามารถละสายตาจากภาพตรงหน้าได้เลย
เรือนร่างบอบบางและขาวเสียจนเห็นรอยแดงที่เขาฝากเอาไว้ทั่วร่างอย่างชัดเจนทำให้เขาพึงพอใจ
ในยามที่อ้อมแขนเล็กไขว่คว้าและโอบกอดเข้ามามันทำให้ปาร์คชานยอลเสร็จไวเสียยิ่งกว่าทุกครั้ง
แต่แล้วความต้องการที่ไม่สิ้นสุดก็ก่อตัวขึ้นอีกครั้ง
ยามที่ร่างชื้นเหงื่อยังคงกลืนกินตัวเขาเอาไว้
แขนยาวช้อนเอาร่างในอ้อมกอดขึ้นโดยที่ช่องทางเบื้องล่างยังคงเชื่อมโยงกันก่อนจะก้าวลงอ่างน้ำขนาดใหญ่ที่มีน้ำอุ่นรองเอาไว้...
ช่วงเย็นคยองซูกลับเข้ามาในห้องพักพร้อมกับขนมหลายอย่างที่ซื้อติดมือกลับมาและก็ต้องเอะใจเมื่อรองเท้าของพี่ชายยังคงอยู่ในห้อง
ปกติช่วงเวลาเย็นแบบนี้พี่จุนมยอนจะออกไปทำงานแล้ว แต่ก็เก็บความสงสัยเอาไว้
วางขนมลงบนโต๊ะ ก่อนจะเดินตรงเข้าห้องเอากระเป๋าเป้ไปเก็บ ความเงียบภายในห้องราวกับไม่มีคนอยู่ทำให้เรียวคิ้วสวยขมวดมุ่นเข้าหากัน
เหลือบตามองดูนาฬิกาบนผนังก็พบว่าเป็นเวลาราวๆหกโมงแล้วทั้งเจ้าของห้องและพี่ชายของเขาหายไปไหน
“คุณชานยอล”
เจ้าของชื่อที่เดินสะลึมสะลือออกจากห้องมาสะดุ้งสุดตัว
ก่อนจะส่งยิ้มเจื่อนๆแล้วรีบกลับเข้าห้องไป จนคยองซูได้แต่ยืนมองอย่างแปลกใจ
ผ่านไปครู่เดียวคนตัวสูงก็ออกมาพร้อมกับเสื้อผ้าที่ใส่เรียบร้อยดีแล้ว ผิดกับก่อนหน้านี้ที่มีเพียงแค่บ๊อกเซอร์ตัวเดียว
“คยองซูไปเรียนมาเป็นยังไงบ้างหรอครับ?”
รอยยิ้มที่ใสซื่อของคยองซูทำให้คนมองอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปขยี้หัวเบาๆด้วยความเอ็นดู
ซึ่งคนตัวเล็กก็เอาแต่คุยเจื้อยแจ้วก่อนจะนึกขึ้นได้ว่ามีการบ้านที่ไม่เข้าใจ
จึงวิ่งตรงเข้าห้องไปเพื่อหยิบการบ้านมาให้อีกคนช่วยอธิบาย
เป็นจังหวะเดียวกันกับที่จุนมยอนเปิดประตูออกมาจากห้องอีกมุมหนึ่งที่ไม่ใช่ห้องของตนกับคยองซู
“คยองซูกลับมาแล้ว..”
คนตัวสูงลุกขึ้นเดินตรงไปหาคนที่เพิ่งก้าวออกมาจากห้อง
ก่อนจะกลัดกระดุมเม็ดบนให้ปกปิดรอยแดงให้มิดชิด
จังหวะที่จุนมยอนกำลังจะเดินตรงไปหาคนเป็นน้องก็ถูกขโมยหอมแก้มไปอีกหนึ่งครั้ง
แม้จะได้รับสายตาคาดโทษแต่ชานยอลก็ยังคงยิ้มไม่สกสะท้าน
พร้อมกับส่งยิ้มให้เผื่อแผ่ไปให้กับคยองซูที่ก้าวออกมาจากห้องพอดี
“อ้าว พี่จุนมยอนวันนี้ไม่ไปทำงานหรอ?”
ทำได้เพียงแค่ส่ายหน้าเบาๆแล้วเดินเข้าไปหาน้องใกล้ๆ
ความประหลาดใจเล่นงานเมื่อจู่ๆพี่ชายก็โผเข้ามากอดเขาเอาไว้
อ้อมกอดของพี่จุนมยอนมันอบอุ่นเหมือนกับทุกครั้ง
หากแต่ครั้งนี้คนที่ให้ไออุ่นกลับเนื้อตัวสั่นเทา และดูหนาวเหน็บเสียเหลือเกิน
“เป็นอะไรรึเปล่า? ถ้าเป็นอะไรพี่จุนมยอนต้องบอกผมนะ”
ฝ่ามือของพี่ชายที่ลูบหัวอยู่ยิ่งทำให้คยองซูนึกเป็นห่วงพี่ขึ้นมา
แต่หลังจากนั้นไม่นานอ้อมกอดที่ผละออกไป
พร้อมกับรอยยิ้มจางๆของพี่จุนมยอนทำให้น้องชายตัวเล็กวางใจและเบาใจ
“ต่อไปนี้จุนมยอนไม่ต้องไปทำงานแล้ว แค่เด็กเสิร์ฟวันๆจะได้สักเท่าไหร่เชียว”
คำพูดของชานยอลทำให้สองพี่น้องหันไปมองอย่างแปลกใจ
สำหรับจุนมยอนนั้นแม้ชานยอลจะเอ่ยห้ามอย่างไรยังไงเสียเขาก็ยังคงยืนยันที่จะไปทำงาน
แม้ว่าเม็ดเงินที่ได้มันจะน้อยกว่าการยอมนอนกับอีกฝ่ายก็ตาม
แต่เพราะเขาไม่ได้เต็มใจ และพยายามหาหนทางให้หลีกพ้นจากวิธีสกปรกๆนี่เสีย
และถ้าเก็บเงินได้มากพอเมื่อไหร่ เขาจะพาคยองซูย้ายออกจากที่นี่ทันที
“แล้วก็คยองซูไม่ต้องเรียกฉันว่าคุณหรอกนะ เรียกแค่พี่ชานยอลก็พอ”
รอยยิ้มอบอุ่นที่ทำให้คยองซูยิ้มตามได้ทุกครั้งที่มอง
มันไม่ได้มาจากความเสแสร้งแกล้งทำเลยสักนิด ชานยอลรู้สึกเอ็นดูคยองซูแบบนั้นจริงๆ
แต่สิ่งที่จุนมยอนไม่เข้าใจคือผู้ชายอย่างปาร์คชานยอลเป็นคนยังไงกันแน่
ปีศาจร้ายที่ทำราวกับร่างกายของเขามันไร้ค่า กับเทพบุตรที่กำลังปกป้องและดูแลคยองซู
แบบไหนกันแน่ที่เป็นตัวตนที่แท้จริงของนาย
“นี่ก็เย็นมากแล้ว ไม่มีอะไรติดตู้เลย ออกไปเดินเล่นซื้อของกันดีไหม?”
คยองซูพยักหน้ารับกับคำชวนของพี่ชายตัวสูง ผิดกับจุนมยอนที่ทำเพียงแค่บอกว่าเหนื่อยแล้วเดินหนีเข้าห้องไป
โดยมีสายตาที่เจือความเป็นห่วงของน้องชายคอยลอบมองตาม ชานยอลส่งมือไปลูบหัวเด็กน้อยที่ยืนเคว้งอยู่อีกครั้ง
พร้อมกับออกปากถามว่าอยากไปด้วยกันไหม ถ้าคยองซูไม่อยากออกไป เขาจะได้ออกไปคนเดียว
แต่เด็กน้อยตาโตก็ยังยืนยันคำเดิมพร้อมกับพยักหน้าตอบรับคำชวน
หลังจากมาถึงซูเปอร์มาเกตที่อยู่ไม่ไกลจากคอนโดที่พักเท่าไหร่นัก คยองซูก็มองโน่นมองนี่ก่อนจะก้มตาก้มตาอยู่กับตัวเองจนชานยอลต้องเดินตามมาดู
มือหนาแตะลงที่หัวไหล่เล็กอย่างแผ่วเบาพร้อมกับเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
แต่ดวงตาคู่โตที่ช้อนมองสบมา พร้อมกับรอยยิ้มบางๆทำให้คนมองชะงักค้างไป
“พอดีผมกำลังนับเงินอยู่น่ะครับ เงินที่คุณ..เอ่อพี่ชานยอลให้ไปเมื่อเช้ามันเหลือผมเลยลองดูว่าจะพอซื้อของกินที่พี่จุนมยอนชอบไปได้ไหม”
ความบริสุทธิ์ของเด็กผู้ชายตัวเล็กที่เป็นห่วงพี่อย่างสุดหัวใจทำให้เขารู้สึกผิดขึ้นมา
ถ้าหากว่าเจ้าตัวรู้ว่าพี่ชายใจดีอย่างเขาทำอะไรไว้กับพี่ชายแท้ๆของตนเองบ้าง
จะโกรธ เกลียด จนแทบฆ่ากันให้ตายไปเลยหรือเปล่า
แต่กับจุนมยอนยอมรับว่าก่อนหน้านี้ก็เป็นเพียงแค่ความถูกใจ และนึกสนุกด้วยแค่นั้น
แต่ความงดงามทั้งภายในและภายนอกที่ทั้งสองพี่น้องมีกำลังเป็นบ่วงที่ผูกและดึงปาร์คชานยอลให้ถูกรัดเอาไว้
“คยองซูครับ..ถ้าอยากซื้ออะไรก็หยิบได้เลย อันไหนที่อยากให้พี่จุนมยอนก็หยิบไปเลย
เดี๋ยวพี่จ่ายให้เอง”
แก้วตาใสที่ช้อนมองและคำขอบคุณที่เด็กน้อยพร่ำบอกทำให้ชานยอลพยักหน้ารับและรีบสาวเท้านำไป
อย่าใช้สายตาที่ทั้งชื่นชมและขอบคุณราวกับพี่เป็นคนดีขนาดนั้นเลยคยองซู
“พี่ชานยอลนี่ที่จริงแล้วเป็นเทวดาใช่มั้ย..บอกผมมานะ”
คยองซูลอบมองแผ่นหลังกว้างแล้วพึมพำเบาๆกับตนเอง
ก่อนจะหลุดหัวเราะกับความบ๊องของตัวเอง
เรียวขาเล็กก้าวไปตรงโซนต่างๆเพื่อหยิบของที่พี่จุนมยอนชอบ
นานแล้วนะที่พี่ชายตัวเล็กคอยเฝ้าดูแลแต่ตัวเขา จนหลงลืมดูแลและทำเพื่อตัวเองบ้าง
เพียงเท่านี้ก็ไม่รู้จะขอบคุณและตอบแทนบุญคุณของพี่ชานยอลยังไงให้หมดแล้ว..
“พี่ชานยอลอันนี้อร่อยมากเลย”
คนถูกเรียกชื่อที่ทำหน้าที่เป็นสารถีเหลือบมองร่างบางที่ก้มหน้าก้มตาจัดการกับไอศกรีมถ้วยโต
ที่เขาซื้อให้ตอนก่อนออกมาจากตัวห้าง
เพราะเห็นว่าคยองซูเอาแต่จ้องอยู่แบบนั้นโดยไม่เดินเข้าไปซื้อทั้งที่เขาก็ออกปากไปแล้วด้วยซ้ำว่าถ้าอยากได้อะไรให้ซื้อเลย
สุดท้ายเพราะเด็กขี้เกรงใจเขาเลยต้องเดินเข้าไปคว้ามาถือแล้วหยิบไปจ่ายตังค์ให้เสียเอง
“กินดีๆล่ะคยองซู เดี๋ยวเลอะรถพี่นะ”
เพราะมัวแต่เพลิดเพลินกับรสชาติความหวานของไอศกรีม มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่รถจอดเทียบในตัวลานจอดรถเรียบร้อยแล้ว
เสียงดึงเบรกมือดึงสายตาของคยองซูให้หันกลับไปมอง
เมื่อเห็นว่าเจ้าของรถเพียงแค่นั่งนิ่งและจ้องใบหน้าเขา
จู่ๆความเคอะเขินก็เกิดขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
มือเล็กยกขึ้นเกาแก้มเบาๆพร้อมกับเหลือบมองคนตัวสูงอีกครั้ง
เสียงหัวเราะเบาๆของชานยอลทำให้คนถูกจ้องยิ่งทำอะไรไม่ถูก
“ไม่ให้กินเลอะรถ แต่เลอะปากซะเป็นเด็กเลยนะเรา”
ความอุ่นจากปลายนิ้วที่ปาดคราวไอติมที่ขอบปากออกไป
ทำให้คยองซูใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ความรู้สึกแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นกับเขามาก่อน ความอุ่นร้อนที่แผ่ซ่านไปทั่วใบหน้าทำให้คนมองอย่างชานยอลเอื้อมมือมาโยกหัวเบาๆสองสามทีแล้วก้าวลงจากรถไป
ข้าวของมากมายที่พากันหอบพะรุงพะรังเข้าห้องมาทำให้จุนมยอนที่นั่งรอน้องชายด้วยความเป็นห่วงตรงเข้าไปช่วย
แต่กลับโดนปฏิเสธ คยองซูพยักเพยิดให้ไปช่วยอีกคนเพราะข้าวของที่ตนหิ้วเข้ามามีเพียงแค่ไม่กี่ถุง
แต่ชานยอลกลับต้องหอบหิ้วของหนักตั้งมากมาย
“ฉันช่วย”
จุนมยอนเดินตรงไปยื่นมือรอรับของจากปาร์คชานยอลด้วยความจำใจ
แต่คนที่กำลังถอดรองเท้าก็ยังคงไม่ยอมยื่นส่งมาให้
พอส่งมือเข้าไปจะแย่งถือกลับถูกขโมยหอมแก้มจนต้องผงะออกมา
แววตาที่มีแต่ความเกลียดชังจ้องมองคนตัวสูงไม่ลดละ
ไม่ว่าผู้ชายคนนี้จะดีต่อคยองซูยังไง แต่สำหรับเขามันก็ยังเป็นซาตานอยู่ดี
ซึ่งไม่อาจรู้ได้ด้วยว่าภาพลักษณ์คนดีที่เจ้าตัวปั้นขึ้นมาเพื่อหลอกลวงให้คยองซูเชื่อมันจะถูกเปิดเผยออกมาเมื่อไหร่
“ทำไมถึงซื้ออะไรมาเยอะแยะแบบนี้ล่ะ”
เมื่อช่วยน้องชายเก็บของจัดเข้าตู้เข้าชั้นก็อดถามไม่ได้
เมื่อข้าวของที่ซื้อมาในวันนี้มันเยอะจนเกินจำเป็น
ซึ่งน้องชายตัวเล็กก็ส่งยิ้มแล้วบอกว่าเขาควรดูแลตัวเองและกินเยอะบ้างๆ
แต่ถ้อยคำที่บอกว่าของพวกนี้ชานยอลเต็มใจซื้อให้ มันทำให้เขาแทบจะไม่อยากแตะเลยด้วยซ้ำ..
วันนี้เป็นอีกวันที่จุนมยอนทำได้แค่เดินวนไปวนมารอบห้องชุดสุดหรูแห่งนี้
เพราะตั้งแต่ชานยอลออกปากเรื่องไม่ต้องไปทำงานที่ผับแล้ว
แต่เขาก็ยังดื้อด้านไปมันทำให้ต้องแบกความผิดหวังกลับมา
เมื่อเจ้านายที่ว่าจ้างบอกว่ารับคนใหม่เข้าแทนแล้ว และไม่มีตำแหน่งที่ว่างใดๆสำหรับเขา
ก็พอจะรู้ว่าเป็นเพราะใครที่ทำให้เป็นแบบนี้
การที่ทนอยู่ในที่ที่แสนสุขสบายแลกกับการนอนกับเจ้าของห้องมันก็ทำให้เขากับคยองซูอยู่กินอย่างสุขสบายและมีเงินใช้ไม่ขาดมี
หากแต่สิ่งเดียวที่ไม่ได้คือความสุขของเขาเอง เกือบจะสองอาทิตย์ได้แล้วที่เขากับน้องชายเข้ามาอาศัยอยู่ที่แห่งนี้
เขายอมทนเป็นของเล่นให้ผู้ชายคนนั้น
แม้ว่าแววตาและการกระทำที่ดูจะอ่อนโยนของปาร์คชานยอลที่เขาได้รับจะมีมากขึ้น
แต่ความเกลียดชังที่ฝังรากลึงลงกลางใจ ทำให้ไม่รู้สึกหวั่นไหวไปกับการกระทำเหล่านั้นเลยแม้แต่นิด
“แกร๊ก”
เสียงประตูที่เปิดเข้ามาทำให้จุนมยอนเหลือบมองนาฬิกาโดยอัตโนมัติ สี่โมงเย็นคยองซูไม่น่าจะเลิกเรียนเร็วขนาดนี้
แต่ก้าวไปได้ไม่กี่ก้าว
ร่างสูงของชานยอลที่ปรากฏในกรอบสายตาทำให้จุนมยอนกลับหลังเดินหนีเข้าห้องโดยอัตโนมัติ
“จะรีบไปไหน”
อ้อมแขนที่รัดช่วงเอวทำให้จุนมยอนพยายามใช้แรงที่มีผลักไสอีกฝ่ายให้ห่างออกไป แต่มือไม้ที่อยู่ไม่สุขก็ทั้งจับ
ลูบ และสัมผัสจนจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน ก่อนที่ร่างบอบบางถูกช้อนอุ้มก่อนจะและถูกจับให้วางลงบนเตียง
จุนมยอนอาศัยจังหวะที่อีกคนผละออกไปดันตัวลุกขึ้น แต่แรงกดที่หัวไหล่ทั้งสองข้างทำให้ไม่สามารถลุกหนีไปได้อย่างใจคิด
“ทำงานมาเหนื่อยๆ ขอชื่นใจหน่อยสิ”
จบคำพูดจุนมยอนก็สะบัดหน้าหนีเมินเฉยกับคำที่อีกฝ่ายเรียกร้องและพูดกรอกหู
ในเมื่อตั้งแต่แรกเขาไม่เคยเต็มใจ ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ครั้งเขาก็ไม่เคยเต็มใจ ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องมานั่งสนใจกับความต้องการหรือสภาพอารมณ์ของชานยอลเลยสักนิด
“ไหนดูสิวันนี้ฉันมีของเล่นอะไรไว้ด้วยนะ”
เรียวนิ้วยาวบีบลงที่ปลายคางจนทำให้คนที่นอนใต้ร่างต้องหันกลับมาสบตา
ก่อนอาการต่อต้านจะมีขึ้นอีกครั้ง กล้องวิดีโอภายในมือของปาร์คชานยอลกำลังทำให้เขาขยาดและรู้สึกกลัว..
“ถ้าทำตัวดี รับรองว่าคลิปนี้มันจะไม่มีทางหลุดออกไปอย่างแน่นอน”
มือหนาวางกล้องที่กำลังอัดภาพของกิจกรรมที่กำลังจะเกิดขึ้นไว้ตรงมุมหัวเตียง
ก่อนจะกดข้อมือเล็กรวบเอาไว้เหนือหัว
แรงดิ้นขัดขืนทำให้ชานยอลส่งมือลงไปปลดเปลื้องกางเกงยีนส์รัดรูปออกจากเรียวขาขาวช้าๆ
“ปิดกล้องเดี๋ยวนี้นะ!”
ขาเรียวที่ถีบใส่คนบนร่างไม่ยั้งทำให้กางเกงที่หลุดออกจากสะโพกถูกดึงออกไปอย่างง่ายดาย
จุนมยอนพยายามจะสะบัดข้อมือให้หลุดเพื่อจะไปจัดการกับกล้องบ้าๆนั่น
แต่กลับทำไม่ได้ คอเสื้อยืดถูกดึงรั้งออกจากหัวไหล่ก่อนความอุ่นจากริมฝีปากได้รูปจะตามเข้าไปบดจูบ
“ฉันบอกให้ปิดกล้องไง!”
ฝ่ามือเล็กสะบัดตบลงที่ใบหน้าของคนบนร่างเต็มแรง
ก่อนจะพยายามตะเกียกตะกายไปคว้ากล้อง
แต่คนที่กำลังโมโหกลับดึงเรียวขาขาวที่ไร้สิ่งใดปกปิดเอาไว้
ก่อนจะลูบมือไปบีบเค้นสิ่งที่ซ่อนอยู่ภายใต้ชั้นในตัวบางอย่างไม่ออมแรง
แรงรูดขยับสลับกับนิ้วมือที่ส่งไปสะกิดยอดอกแดงเรื่อทำให้จุนมยอนบิดหน้าขาไปมาด้วยความอึดอัด
มือที่พยายามไขว่คว้าและหยุดการทำงานของกล้องจิกลงกับผ้าปูที่นอนจนมันยับย่น
“รู้ไหมคนที่มันกล้าตบหน้าฉัน มันไม่ได้ตายดีสักคน..แต่เพราะเป็นนายจุนมยอน...”
ชานยอลเอื้อมมือปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตพร้อมกับสลัดเครื่องแบบที่สวมอยู่บนร่างกายทิ้งไป
ก่อนจะตามมาดึงรั้งเสื้อยืดตัวเล็กที่มันปกปิดผิวขาวเนียนให้หลุดออกไป
ฝ่ามือข้างที่ยังคงสอดอยู่ภายในชั้นในสีขาวก็ยังคงทำหน้าที่ของมัน ใบหน้าหล่อซุกลงกับแผ่นอกขาว
แล้วแต่งแต้มร่องรอยสีกุหลาบเอาไว้ด้วยกลีบปากและลิ้นร้อน
“อ..อย่า..”
ชั้นในที่ถูกเกี่ยวออกไปทำให้จุนมยอนพยายามกระถดตัวหนี
แต่ความอุ่นร้อนที่เข้าครองครองส่วนกลางกายเอาไว้ จึงทำได้แค่เพียงถีบขาไปกับที่นอนเพื่อระบายความทรมานจากความต้องการที่ถูกปลุกขึ้นโดยอีกคน แม้ปากจะบอกว่าเกลียดชานยอลสักเพียงไหนแต่ร่างกายกลับตอบสนองเสียจนน่าอาย
“จุนมยอน..ถ้าฉันบอกว่าฉันจะจริงจังกับนาย จะเชื่อกันไหม..”
โดยไม่ต้องเสียเวลาคิดไตร่ตรอง
ใบหน้าหวานสะบัดพรืดยืนยันให้คนถามรับรู้ว่าไม่เชื่อ และไม่มีทางเชื่อ คนจะจริงจังที่ไหนเขาทำกันแบบนี้
และต่อให้ที่อีกฝ่ายบอกจะมาจริงจังเพราะความสงสาร หรือติดใจอะไรในร่างกายเขาก็ตาม
จุนมยอนคนนี้ก็ยังยืนยันที่จะปฏิเสธเช่นเดิม
“อ..อย่า..”
ฝ่ามือเล็กจิกลงที่หัวไหล่ยามที่ถูกช้อนตัวขึ้นนั่ง เสียงหอบหายใจถี่รัวขึ้นยามที่ก้านนิ้วยาวสอดล่วงล้ำเข้าภายในร่างกาย
ริมฝีปากบางขบเม้มแน่น ก่อนจะหลุดครางออกมายามที่เรียวนิ้วยาวถอนออกไป
แล้วค่อยแทรกเข้าไปในกายใหม่อีกครั้ง ร่างกายสูงใหญ่ขยับเปลี่ยนท่าดึงรั้งให้ร่างขาวและบอบบางขยับมานั่งชันเข่าคร่อมตักตนเอาไว้
โดยไม่ลืมที่จะเหลือบไปมองกล้องวิดีโอที่กำลังจับภาพของเราทั้งคู่เอาไว้
“แต่ฉันพร้อมที่จะดูแลนายไปตลอดชีวิตจริงๆ”
คนพูดเอื้อมมือไปประคองแก้มขาวให้หันมาสบตากัน
ไม่ชอบใจที่จุนมยอนเอาแต่ส่ายหน้าปฏิเสธความรู้สึกของเขา
ก่อนจะบดริมฝีปากที่แดงช้ำเพราะเจ้าตัวขบกัดเอาไว้ เลาะเล็มและดูดดึงจนเกิดเสียงก่อนจะรวบกอดกดสะโพกอิ่มให้เข้ามาแนบชิดกับลำตัวมากขึ้น
“อ๊ะ!!!”
ความใหญ่โตที่มากกว่านิ้วแทรกเข้ามาในร่าง
ค่อยๆคืบคลานและกดเข้ามาจนสุดความยาว
เรียวแขนเล็กไขว่คว้าโอบรอบคอคนที่เริ่มขยับกายเอาไว้แน่น หลับตาลงแล้วกัดฟันทนในยามที่ชานยอลส่งแรงเข้าหา
ก่อนจะซบใบหน้าลงข้างแก้มของคนที่สบตาและส่งยิ้มให้กัน
“น.นี่ปิดกล้องเดี๋ยวนี้..อ๊า!!”
เมื่อเหลือบสายตาไปเห็นจุดสีแดงเล็กๆบนตัวกล้องที่ยังกะพริบอยู่
ทำให้ได้สติว่าเขาควรจะไปกดปิดไอ้กล้องบ้าๆนั้นเสีย แต่มือที่บีบเค้นบั้นท้ายและจับล็อกสะโพกให้กดลงรับกับสิ่งที่แทรกเข้ามาในร่าง
จนมือที่เอื้อมไปไขว่คว้ากล้องต้องกลับมายึดไหล่กว้างไว้อีกครั้ง
ชานยอลลูบมือลงกับเส้นผมที่ชื้นเหงื่อ ก่อนจะกดหัวทุยๆให้ซบลงกับอก
“อย่าดื้อสิ”
ร่างสูงส่งมือลูบไปกับเรียวขาเล็กที่ตั้งชันอยู่กับพื้นเตียง ลูบไล้ไปกับผิวที่เนียนลื่นมือราวกับได้รับการดูแลมาอย่างดีก็อดแปลกใจไม่ได้
เด็กที่ทำงานกลางคืน เงินจะเช่าห้องก็ยังไม่มี แต่ทำไมผิวพรรณถึงดูไม่หยาบกร้านเลยสักนิด
มันทั้งนิ่มและลื่นจนละสัมผัสออกไปไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว
“อ๊า!!!”
มือที่จับต้นขาเล็กดึงรั้งให้เรียวขาขาวโอบกอดรอบเอวสอบของตนเอาไว้พร้อมกับช้อนสะโพกให้ซ้อนอยู่กับตัก
ใบหน้าหล่อก้มลงไปฝากรอยรักไว้กับเรียวขาขาวที่ตั้งชันและโอบผ่านลำตัวตนเองเอาไว้
ก่อนจะลากริมฝีปากมาหยอกล้อกับอกบางที่กระเพื่อมขึ้นลงตามแรงหายใจเข้าออกอีกครั้ง
เรียวลิ้นลากวนกับยอดอก
พร้อมกับใช้ริมฝีปากดูดแรงๆจนร่างบางแอ่นอกขึ้นรับกับสัมผัสที่เขามอบให้
“เก่งมากที่รัก”
ชานยอลละจากความหอมหวานเหล่านั้น แล้วเอื้อมมือมาประคองใบหน้าหวานให้มองสบตา
ก่อนจะกดจูบลงข้างแก้มและจบลงที่ริมฝีปากแดงช้ำอีกครั้ง และดันกายเข้าไปในร่างบางมากขึ้น
ช่องทางที่ตอดรัดทำเอาปาร์คชานยอลแทบบ้าและคลั่งตายกับความร้อนภายในร่างที่ตนกำลังหาความสุขอยู่
ทำได้แค่ส่งเสียงครางงึมงำในลำคอกับความสุขสมในครั้งนี้
“บ..เบา..”
เรียวแขนเล็กข้างหนึ่งโอบคอร่างสูงไว้เพื่อเป็นหลักยึด ก่อนมืออีกข้างจะจิกลงกับท่อนแขงแข็งแรงที่โอบเอวตนเองไว้
เสียงสั่นที่เอ่ยบอกออกไปไม่ได้ทำให้ชานยอลทำตามเลยสักนิด
แรงที่ส่งมามันทำให้แท่งความยาวนั้นกดลึกเข้ามาจนคนด้านบนนั่งแทบไม่ติด
“ช..ชานยอล..ฮึก..บ..เบา”
เสียงเรียกชื่อของตนที่หลุดออกจากริมฝีปากบางทำให้ชานยอลเต็มตื้นจนต้องรั้งใบหน้าหวานมาบดจูบแรงๆ
ความต้องการในตัวทวีขึ้นสูงอีกเป็นเท่าตัวยามที่เสียงหวานครางชื่อของตน อยากได้ยิน
อยากครอบครอง และจมอยู่ในวังวนเช่นนี้ ห้วงอารมณ์ที่โหมกระหน่ำขึ้นทำให้จุนมยอนต้องยอมขยับสะโพกรับกับจังหวะที่เร็วและแรงขึ้นโดยไร้การขัดขืน
ริมฝีปากที่ยังคงดูดดึงและเรียวลิ้นที่เกี่ยวพันอยู่ทำให้ไม่มีเสียงใดๆเล็ดลอดออกมานอกจากเสียงครางในลำคอเพราะความสุขสมและเสียงเนื้อกระทบเนื้อที่ดังก้องชัดเจนภายในห้องที่เงียบสงัด
ร่างกายที่ผสานกันแนบแน่นและจังหวะที่รับส่งกันอย่างดี ทุกการกระทำ ทุกเสียงที่สื่อสารกันมันถูกจดจำและบันทึกไว้ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ตั้งอยู่บนหัวเตียงแล้วทั้งหมด
โดยที่คนสองคนที่ถูกดึงเข้าสู่ห้วงตัณหาหลงลืมและไม่คิดที่จะใส่ใจกับมันอีกต่อไป
ความต้องการครั้งแล้วครั้งเล่าที่ถูกปลุกขึ้นและปลดปล่อยก็ยังคงดำเนินต่อไป..
ปล. คือนั่งขุดรูปแล้วฟินเอง เลยเอาฟิคในกรุมาลงก่อน เอามาลงให้อ่านกันเล่นๆ อาจจะรีไรท์ใหม่และกำลังแต่งตอนต่อๆไปอยู่ อดใจรอนะคะทุกคน จุ๊บบบ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น