“คริส..เบาๆสิ” บ่นออกมาไม่จริงจังนัก เมื่อถูกคนที่คร่อมอยู่บนร่างรีบร้อนจะปลดเสื้อผ้าเขาออกเสียเหลือเกิน
“บอกให้เบาๆไง”
ร้องบอกอีกครั้งเมื่อเสื้อเชิ้ตถูกรั้งออกจากแขนแรงๆ จนเสื้อตัวเก่งของเขาแทบจะขาดออกอยู่รอมร่อแล้ว
จุนมยอนพยายามขยับดันตัวขึ้นแต่ใบหน้าหล่อที่ซุกอยู่กับอก
ซ้ำยังกดจูบย้ำและลงแรงที่จุดไวสัมผัสกำลังทำให้เขาหลุดเสียงครางอันน่าอับอายออกมา
“คริส..เดี๋ยว..ฮึก!”
จุนมยอนไม่รู้ว่าเพราะไอ้คำถามก่อนหน้านี้หรือเปล่า ที่ทำให้คริสเป็นแบบนี้
รู้แค่ว่าคริสเลือกที่จะบ่ายเบี่ยงไม่คุยเกี่ยวกับเรื่องความสัมพันธ์ของตนกับคยองซูอีก
“นี่คริส..”
จุนมยอนดันตัวลุกขึ้นจากโซฟาอย่างทุลักทุเลโดยมีร่างสูงที่ขยับลุกออกไปปลดเปลื้องเสื้อผ้าอยู่ไม่ห่าง
จุนมยอนประคองตัวเองลุกขึ้นนั่งโดยใช้มือเล็กๆเกาะยึดพนักพิงโซฟาเอาไว้ได้ไม่ทันไร
ร่างกายที่ถูกกระชากเสื้อผ้าทิ้งไปจนหมดก็ถูกโถมเข้าใส่อีกครั้ง
“ผมชอบจุนมยอนนะ”
นั่นเป็นคำแรกหลังจากที่คริสจอมบ้าพลังกระโจนเข้าใส่เขาแบบไม่ออมแรง
จุนมยอนใช้เข่าเล็กๆของตัวเองชันกับเบาะที่นั่งของโซฟา
มือทั้งสองข้างก็ค้ำยันกับพนักพิง เบื้องหน้าของร่างกายที่เปลือยเปล่าหันเข้ากับโซฟาสีแดงเพลิงโดยมีนายแบบหนุ่มรูปร่างสมส่วนนั่งซ้อนอยู่ด้านหลัง
มือไม้ที่จุนมยอนคิดว่ามันใหญ่กว่ามือของเขาเกือบเท่าตัวบีบเค้นและสัมผัสไปทั่วร่างจนเข่าเล็กๆที่ค้ำยันตัวเอาไว้มันสั่นคลอน
ผิวเนียนทั้งแผ่นหลังที่อยู่ตรงหน้าถูกคริสไล่จูบไปทั่ว
ก่อนจะขยับเข้ามาเติมเต็มจุนมยอนเอาไว้
จากที่ก่อนหน้านั้นว่าไม่มีแรงแล้ว
จุนมยอนคิดว่าวินาทีที่คริสกำลังดันตัวเข้ามาจนร่างกายด้านหน้าเขาชนกระแทกกับพนักพิงโซฟามันยิ่งเหมือนดูดเอาพลังของเขาไปจนหมดร่าง
“คริส..บ..เบา” จนใจที่จะร้องห้าม เมื่อลำแขนยาวสอดผ่านเอวบางเข้ามาค้ำยันกับพนักพิงโซฟาเช่นกัน
แขนของคริสมันขนานไปกับแขนของจุนมยอนที่เกาะยึดอยู่ก่อน
ช่วงขายาวนั่นก็อีกที่วางขนาบเรียวขาเล็กๆอันสั่นเทาของจุนมยอนเอาไว้
หากแต่พละกำลังและเรี่ยวแรงที่มีมันช่างต่างกันเหลือเกิน..
“จุนมยอนของผม..”
จุนมยอนก้มมองมือหนาของคริสที่ค้ำยันกับพนักโซฟาเป็นเหมือนแรงส่งอย่างดี
ร่างกายที่ถูกผสานจนเป็นหนึ่งเดียวขยับไปพร้อมกัน
เสียงครางเรียกชื่อกันและกันเหมือนเชื้อเพลิงชั้นดีที่ทำให้คริสเร่งเครื่องใส่ไม่ยั้ง
“อ๊ะ”
จุนมยอนสะดุ้งสุดตัวเมื่อถูกกัดเข้าที่หัวไหล่แถมคนที่กัดก็ยังคงไม่ผละออกไปไหน
ความเมื่อยล้าที่เริ่มเกาะกินไปทั้งขาทำให้จุนมยอนซุกใบหน้าลงกับขอบพนักพิงของโซฟา
แต่ท้ายทอยที่ถูกดอมดมและถูกกดจูบจนขนชันทำให้ต้องเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง
“คริส..” นั่นเป็นคำพูดสุดท้ายของจุนมยอนหลังจากที่เอี้ยวตัวกลับมามองหน้าคนที่หลงใหลในร่างกายของเขาชนิดที่เรียกว่าโงหัวไม่ขึ้น
เพราะหลังจากนั้นปากแดงๆก็ถูกบดจูบครั้งแล้วครั้งเล่าจนบวมช้ำ
ไม่ต่างจากร่างกายที่ทำงาน อย่างหนัก
เกือบชั่วโมงที่คริสไม่ยอมขยับห่างตัวเขาไปไหน
ตั้งแต่ที่โซฟาจนถึงตอนนี้ที่เขานอนหมดแรงอยู่บนตัวของคริส แม้จะไม่มีเสื้อผ้าสักชิ้นหรือผ้าห่มสักผืนมาปกปิดร่างกายในตอนนี้
แต่มันก็เกินช่วงที่เขาจะต้องมัวมาอายไปไกลแล้วล่ะ
จุนมยอนขยับตัวไปมาสองสามทีเพื่อหามุมสบายแต่มันไม่มีทางจะสบายได้หรอกเขารู้ดี
เพราะตราบใดที่คริสยังคงไม่ขยับออกไปจากตัวเขา มันก็คงอึดอัดอยู่แบบนี้
แต่เขาก็ไม่อยากจะบาปปลุกคนหลับให้ต้องตื่นมาเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่อง
อีกอย่างคริสจะยังตื่นขึ้นมาในตอนนี้ไม่ได้..ตอนที่คิมจุนมยอนกำลังส่งรูปช่วงเวลาความสุขระหว่างเราสองคนไปให้กับเพื่อนรัก
RrrrrrRrrrrrrrr
“ใคร?”
จุนมยอนนึกหงุดหงิดที่เขายังหลับไปได้ไม่ถึงชั่วโมงดีเสียงโทรศัพท์ของคริสก็ปลุกเขาขึ้นมา
หนำซ้ำพอวางหูคริสก็แทบจะผลักเขาออกแล้วกุลีกุจอวิ่งไปคว้าเอาเสื้อผ้ามาสวมใส่อย่างรีบร้อน
“ผมต้องรีบไปหาคยองซู” เพียงแค่ได้ยินชื่อของคนปลายสายที่โทรมาจุนมยอนก็นึกสะใจอยู่ไม่น้อย
แต่ที่รู้สึกไม่พอใจคือคริสรีบร้อนที่จะไปหาคยองซูแทนที่จะอยู่กับเขา
“แล้วฉันล่ะ?..ไม่ไปไม่ได้หรอ?” จงใจใช้น้ำเสียงออดอ้อนอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน
แต่สุดท้ายก็ได้แต่หัวฟัดหัวเหวี่ยงอารมณ์เสียอยู่คนเดียว
เมื่อคริสเลือกที่จะไป..
จุนมยอนรู้สึกเหมือนกับว่าคยองซูกำลังทำสงครามประสาทกับเขา เพื่อนตาโตไม่เคยที่จะโทรมาขัดในเวลาที่เขากับคริสกำลังมีอะไรกัน
แต่หลังจากที่เขาส่งรูปภาพพวกนั้นไปได้สักพัก คยองซูก็จะโทรมาตามคริสกลับไป
มันเป็นแบบนี้นับครั้งไม่ถ้วน
“ไม่คิดจะหึงหวงคนรักหน่อยหรือไง?”
และนี่ก็เป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือนที่เขาได้เจอคยองซูอีกครั้ง
แม้หลายๆครั้งควรจะได้เจอ
แต่ก็ชวดไปเสียทุกครั้งเพราะคริสเทียวลากให้เขาไปหลบไปซ่อนอยู่ตลอดเวลา
“ไม่เห็นต้องทำแบบนั้นเลยจุนมยอน..ถ้าคิดว่าแย่งได้ก็เอาไปสิ” น้ำเสียงไม่ยี่หระกำลังทำให้จุนมยอนอยากจะกระชากหัวคนพูดมาจับโขกกับกำแพงไปซะ
“จองหอง!”
ต่อให้จุนมยอนจะด่าทอเขาด้วยคำพูดที่หยาบคายกว่านั้น
คยองซูคนนี้ก็ไม่รู้สึกเดือดเนื้อร้อนใจอะไรอีกต่อไปแล้ว
“แต่นายอาจไม่ต้องลำบากแล้วล่ะ
เพราะฉันไม่ต้องการคริสแล้ว ยินดีกับฉันหน่อยสิเพื่อนรัก..ในโอกาสที่ฉันคบกับชานยอล”
เรื่องราวที่ได้ยินมันน่าจะเป็นเรื่องโกหกที่คยองซูเอามาขู่เพื่อต้องการชนะ
แต่การที่ปาร์คชานยอลอดีตคนรักของเขาเดินเข้ามาจับจูงมือของคยองซูและเดินจากไปโดยทำเพียงแค่ชายตามาทางเขาด้วยหางตา
อากัปกริยาเหล่านั้นมันกำลังทำให้คิมจุนมยอนอยากจะกรีดร้องออกมาหากทำได้
เพียงแค่ข่าวคนเบื้องหลังความสำเร็จของคริสอย่างโดคยองซูที่กำลังมีความรักครั้งใหม่กับปาร์คชานยอลถูกตีพิมพ์ลงหน้าหนังสือหรือสื่อออนไลน์ทุกชนิด
มันก็เป็นไปพร้อมกับข่าวของนายแบบสุดฮอตที่กำลังดวงตกอย่างคริส..
จุนมยอนเข้าใจแล้วว่าที่คริสต้องยอมเพื่อนเขา
เอาใจคยองซูสารพัด ก็เพราะทุกย่างก้าวในวงการ
เงินทุกบาททุกสตางค์ของผู้ชายตัวสูงมันมาจากน้ำมือผู้ชายตัวเล็กๆอย่างโดคยองซูทั้งนั้น
“จุนมยอน..”
ในเมื่อในเกมนี้คริสไม่ใช่หมากที่สำคัญอีกต่อไป
จุนมยอนก็เลือกที่จะโยนทิ้งอย่างไม่ใยดี
การที่เขาเดินกลับมาเอาเสื้อผ้าที่เคยทิ้งไว้ที่คอนโดของอีกฝ่ายแล้วคริสก็เอาแต่เรียกชื่อและพร่ำบอกให้เราคบกัน
มันปัญญาอ่อนสิ้นดี!
“จุนมยอนในเมื่อฉันไม่มีข้อผูกมัดเรื่องคยองซูแล้ว
เรามาคบกันนะ”
น้ำเสียงเว้าวอนพร้อมกับมือหนาที่เอื้อมมากุมมือเอาไว้
แต่จุนมยอนก็เลือกที่จะสะบัดมือนั้นทิ้งพร้อมกับรวบเสื้อผ้าราคาแพงของตัวเองที่มีลงกระเป๋าโดยไม่สนใจคำพูดเหล่านั้น
“จุนมยอน..ฉันรักนายนะ”
รัก? พอได้ฟังแล้วมันก็ระคายหูดีจริงๆ
ไอ้คำว่ารักของพวกขี้แพ้เนี่ย
“จะให้ฉันคบกับนายแล้วไปอยู่ที่ไหน? ข้างถนนเหรอ?
บอกอะไรให้นะคริส คอนโดนี้คยองซูก็กำลังจะยึดคืนไปจากผู้ชายไม่รู้จักพออย่างนาย
แล้วก็เลิกฝันลมๆแล้งๆว่าฉันจะเอาชีวิตไปฝากไว้กับคนไม่มีอนาคตแบบนายได้เลย”
คำตัดรอนความสัมพันธ์ทำให้คริสได้แต่ยืนนิ่งทนดูคนตัวเล็กหอบข้าวของเดินจากไป..
จุนมยอนหันกลับมาสนใจปาร์คชานยอลอีกครั้ง
แต่ดูท่าว่าครั้งนี้อีกคนดูจะไม่ยอมเล่นตามเกมเขาง่ายๆเหมือนครั้งก่อน
แต่ก็นะจะหาว่าคิมจุนมยอนคนนี้โรคจิตหรืออะไรก็ได้ แต่ความสุขของเขาอย่างหนึ่งคือการได้แย่งคนของโดคยองซู
“ชานยอล
วันนี้นายพอจะมีเวลาไปช่วยฉันเลือกเสื้อผ้าไปงานวันเกิดเพื่อนบ้างไหม?” พอเห็นอดีตคนรักเดินออกมาคนเดียว
โดยที่ข้างกายไม่มีตัวมารผจญความรักของเขาออกมาด้วยจุนมยอนก็ไม่รีรอที่จะรีบก้าวเข้าไปเอ่ยรั้งไว้
“ถ้าแค่ช่วยเลือกเสื้อผ้าให้ก็พอจะได้” ชานยอลตอบรับอย่างเสียไม่ได้
เมื่อเห็นสีหน้าหงอยๆของอดีตคนรัก แม้จะเจ็บจากที่จุนมยอนฝากเอาไว้
แต่ความรักความห่วงใย ให้ตัดมันลงไปภายในเวลาไม่กี่วันก็ดูจะทำยากไม่ใช่น้อย
“นายยังดีกับฉันเหมือนเดิมเลย..” คำพูดที่จุนมยอนจงใจพูดแทงใจดำอีกฝ่ายออกไป พยายามรื้อฟื้นเรื่องราวและความสัมพันธ์ระหว่างเรา
แต่ก็ดูจะไม่เป็นผลเมื่อมือใหญ่ที่เคยวางบนหัวและลูบเบาๆเพื่อปลอบใจเขากำลังเอื้อมมาดึงรั้งมือของคิมจุนมยอนให้หลุดออกไปจากท่อนแขนตน
“จุนมยอน
ฉันเต็มใจจะช่วยนายก็แค่ในฐานะเพื่อนคนหนึ่งเท่านั้น” ปาร์คชานยอลย้ำขึ้นมาเสียงดัง
แต่คิมจุนมยอนคนที่ไม่มีทางยอมแพ้ก็ยังยิ้มสู้
ขยับเข้าไปคล้องแขนลงกับลำคอของอดีตคนรักของตนช้าๆ นิ้วเรียวที่วางอยู่ตรงสันคอค่อยๆบีบนวด
คลึงช้าๆ ก่อนจะขยับเข้าไปแนบริมฝีปากลงที่ริมฝีปากของคนที่กำลังจะปฏิเสธกัน
“อย่า!”
แรงผลักเพราะความตกใจทำให้คนถูกผลักล้มลงไปกองกับพื้น
จุนมยอนตวัดหน้าขึ้นมองคนเคยรักด้วยแววตาตัดพ้อ
ปนไม่พอใจเมื่ออีกฝ่ายกล้าดีถึงขนาดมาผลักเข้าออกและทำท่าทางรังเกียจกันขนาดนี้
“ชานยอล...”
“หยุดเถอะจุนมยอน..ฉันรักคยองซูไปแล้ว”
เสียงหัวเราะขึ้นจมูกจากคนตัวเล็กที่เหมือนสมเพชเขาเต็มทน
แต่ชานยอลก็ยังจะคงพูดมันออกไป
“และคิดว่าคงจะไม่กลับไปเจ็บซ้ำๆเพราะ..นายอีกแล้ว” ดวงตาคู่สวยเบิกโตขึ้นเมื่อชานยอลหันหลังเดินกลับออกไป
ทิ้งเขาเอาไว้ที่ตรงนี้
“ปาร์คชานยอล
กลับมาเดี๋ยวนี้นะ!”
แม้จะผิดหวังที่วันนี้แผนการอ่อยปาร์คชานยอลไม่คืบหน้าไป
แต่การที่ได้กลับมาพักที่ห้องก็คงจะทำให้เขาคิดแผนใหม่ที่จะทำให้คยองซูอกแตกตายได้ไม่ยาก
อาจจะเพราะมัวแต่คิดเรื่องเหล่านั้นจุนมยอนถึงไม่ได้สังเกตประตูห้อง ของตัวเอง..
“น..นาย.เข้ามาได้ยังไง!”
ภาพของนายแบบสุดฮอตที่ตอนนี้สภาพไม่ต่างอะไรจากโจรสักเท่าไหร่
กำลังนั่งไขว่ห้างเปิดดูหนังเรทอาร์บนจอพลาสม่าภายในห้องของเขาอย่างถือวิสาสะ
“ก็มาหาเมียไง”
จุนมยอนอยากจะอ้วกให้กับคนที่ไม่หัดเจียมตัวเสียบ้าง
“ไสหัวออกไปซะ!”
เงินปึกหนึ่งถูกโยนลงตรงหน้าคนที่อ้างสิทธ์ในตัวเขาก่อนที่จุนมยอนจะคว้ากระเป๋าตั้งใจจะหนีออกจากห้องไปขอพักกับเพื่อนที่อื่น
ฉึก!
ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างเมื่อเข็มฉีดยาในมือใหญ่ปักลงที่หลังมือของตนเอง
ฉับพลันที่ตัวยาในหลอดไหลซึมเข้าสู่กระแสเลือด ร่างกายของเขาก็ไร้เรี่ยวแรงลงไปในทันที
คำถามที่ว่าจะไปไหนเหมือนกับคำอะไรที่ลอยผ่านเข้าหูมาแต่จุนมยอนไม่มีเรี่ยวแรงจะตอบ..
ร่างกายทั้งร่างราวกับไม่ใช่ของตัวเอง
แค่จะยกมือขึ้นผลักคนที่เข้ามากอดตัวเองจุนมยอนก็ยังทำไม่ได้
มือเล็กพยายามไขว่คว้าที่จะดิ้นรนหนีไปแต่กลับถูกดึงรั้งเอาไว้
ตามด้วยเสื้อผ้าที่ถูกปลดเปลื้องออกไป
“อ..อ..อย่า..” ดวงตาคู่สวยกรอกไปมาอย่างหวาดกลัวแต่กลับร้องออกมาได้เพียงแค่นั้น
แขนขาที่ไร้เรี่ยวแรงถูกคริสจับขยับให้เป็นไปตามที่ใจต้องการ
“ฮึก” น้ำตามากมายพรั่งพรูออกมาไม่ขาดสาย
ในตอนนี้คิมจุนมยอนไม่ต่างอะไรจากคนที่ถูกขืนใจ
ตัวยาบ้าๆที่คริสใช้มันคือยากล่อมประสาทชนิดหนึ่ง ซึ่งมันไม่ทำให้ถึงตาย
มันก็แค่ทำให้คิมจุนมยอนไม่สามารถจะเดินหนีจากคริสไปไหนได้ก็เท่านั้นเอง...
คยองซูนึกแปลกใจอยู่ไม่น้อยที่หลังจากวันที่ถูกชานยอลหักหน้าไป
ก็ไม่เห็นเพื่อนของตนเองโผล่มาให้เห็นอีกเลย ในใจก็นึกเป็นห่วงเพราะถึงแม้จุนมยอนจะทำกับเขาเจ็บแสบยังไง..เราก็ยังเป็นเพื่อนกัน
แต่ไม่ว่าจะสายแล้วสายเล่าที่เขาหมั่นโทรหาแต่จุนมยอนไม่รับทำให้คยองซูถอดใจไปในที่สุด
โดยไม่รู้เลยว่าคนปลายสายพยายามมากแค่ไหนที่จะตะเกียกตะกายไปหาโทรศัพท์ที่วางอยู่ไม่ไกลนั้น
“ดื้อจังเลยนะ..จุนมยอนของผมเนี่ย” น้ำตาไหลพรั่งพรูออกมา
เพียงแค่ได้ยินเสียงของใครอีกคน จุนมยอนใช้เรี่ยวแรงที่มีทั้งหมดกระถดกายหนี
แต่เพียงแค่คริสเดินมาไม่กี่ก้าวก็กระชากตัวเขากลับไปได้อีกครั้ง
“สงสัยผมต้องย้ำอีกสักที
ว่าอย่าคิดจะหนีผมเด็ดขาด!” ร่างกายที่เคยขาวสะอาดเต็มไปด้วยร่องรอยแห่งบาป ผลกรรมจากที่เขาได้ทำกับคยองซูเอาไว้
มันกำลังสนองคืน
จุนมยอนนึกอยากจะขอโทษเพื่อนรักกับทั้งหมดที่ทำไว้
แต่ก็ไม่มีแม้แต่โอกาส..
ทั้งที่พยายามสุดกำลังที่จะคลานหนีแต่ก็ไม่พ้นคนตัวสูงที่ตามเข้ามาฉุดลากและแทรกเข้ามาในร่าง
เสียงกรีดร้องแห่งความเจ็บปวดที่ถูกกระแทกกระทั้นครั้งแล้วครั้งเล่า
จุนมยอนต้องทนอยู่กับวังวนนี้ไปทุกๆวัน แม้บางครั้งคริสจะใจดี ไม่ฉีดยาบ้านั่นให้อีกหากเขาไม่คิดจะหนี
แต่ไม่ว่ายังไง..เรื่องการมีเซ็กส์ที่ชักจะรุนแรงขึ้นทุกวันกลับเป็นสิ่งที่คิมจุนมยอนไม่สามารถหลุดพ้นมันออกไปได้สักที..
“ผมชอบจุนมยอนมาก..รู้ไหม”
มือหนากระชับกอดแล้วกดใบหน้าที่ชุ่มน้ำตาของคนตัวเล็กซุกลงกับไหล่
ความต้องการที่เปี่ยมล้นก็ยังคงทำให้จุนมยอนสั่นคลอนไปทั้งตัว
คริสจับเรียวแขนเล็กเข้ามาโอบรอบคอตนก่อนจะรวบกอดเอวบางแล้วดันตัวเข้าหาคนที่ตัวเองไม่คิดจะปล่อยให้หนีไปไหน
ทุกสิ่งของคิมจุนมยอนจะต้องมีเพียงคริสคนนี้เท่านั้น..
“ป..ปล่อยฉันไป..ฮึก..”
ร่างกายที่ถูกล่วงเกินนับครั้งไม่ถ้วนมันบอบช้ำเสียจนจุนมยอนแทบจะทนไม่ไหว
“ปล่อยให้กลับไปหาไอ้ชานยอลหรือไง? ไม่มีวัน!!” แรงส่งกายที่กระแทกกระทั้นยิ่งพาให้เจ้าของร่างกายที่บอบช้ำ
สะอึกสะอื้นจนตัวโยน
ริมฝีปากที่บดขยี้ลงมาบนเรือนร่าง
แผ่นอกที่เต็มไปด้วยรอยช้ำ
ช่องทางเบื้องล่างที่ฉีกขาดและเต็มไปด้วยคราบโสมมจากผู้ชายตัวสูงที่ไม่ยอมปล่อยเขาไป
“จุนมยอนเป็นของผม”
“ฮึก..ฮือ..” ฝ่ามือเล็กปัดป่ายสะเปะสะปะหาที่พักพิง
เมื่อคนที่แทรกกายเข้ามาในร่างถอนออกไป
จุนมยอนกระถดตัวหนีก่อนจะรีบวิ่งตรงไปที่ประตูระเบียง
ความหวาดกลัวทำให้ใช้แรงทั้งหมดที่มีผลักประตูระเบียงปิดไว้ไม่ให้คนที่อยู่ในห้องตามออกไป
แม้ร่างกายจะเปลือยเปล่าและเต็มไปด้วยร่องรอยไม่น่ามอง
แต่วินาทีการได้หลุดพ้นจากไอ้บ้า ไอ้โรคจิตอย่างคริสได้
คือสิ่งเดียวที่จุนมยอนเฝ้าภาวนา
“ช่วยด้วยครับ..ฮือ..ได้ยินไหม
ใครก็ได้ช่วยผมด้วย”
เสียงร้องขอความช่วยเหลือ หวังเพียงห้องด้านข้างจะได้ยินมันบ้าง
ถ้าได้ยินไม่ผิด จุนมยอนเหมือนจะได้ยินเสียงของคนกำลังคุยกันอยู่ไม่ไกล
ปึก!
แต่ดูท่าความหวังทั้งหมดของจุนมยอนคงจะพังทลายลงเมื่อแรงและพละกำลังของคนภายในห้องมีมากกว่า
ไม่ทันจะได้ร้องขอความช่วยเหลือใดๆ
ร่างทั้งร่างก็ถูกกระชากกลับเข้าห้องไปพร้อมกับบานประตูที่ปิดฉับลง
“คริส..ฮือ..ปล่อยฉันไปเถอะนะ”
คนตัวเล็กร้องไห้พร้อมกับทรุดตัวลงนั่งอย่างน่าสงสาร
ท่าทีของคริสที่นิ่งไปทำให้จุนมยอนค่อยๆกระถดกาย
และรีบคลานหนีไป แต่เพียงแค่คริสหันกลับมาเห็นว่าคนที่ตัวเองรักกำลังจะหนีกันไป
ก็ก้าวสามขุมเข้าไปหยุดยืนอยู่ตรงหน้าคนที่แทบไม่มีเรี่ยวแรงจะหนีไปไหน
แต่ก็ยังดื้อด้านจะหนีกันไป
เขาไม่อยากรุนแรงกับจุนมยอน
อยากจะถนอมจุนมยอนให้ได้มากที่สุด เพื่อที่เราจะได้มีความสุขกันไปนานๆ
“เอาสิ ถ้าหนีได้ก็หนีสิ..คนเก่ง” จุนมยอนเหลียวมองเจ้าของสองเยียบเย็น
พร้อมกับคลานถดกายไปเกาะกับตู้โชว์ใบใหญ่ที่อยู่ตรงหน้า
“อยากเล่นให้ผมไล่จับก็บอกกันดีๆสิที่รัก” เสียงกรีดร้องจากความเจ็บปวดของร่างขาวเป็นเหมือนกับเสียงหวานที่คริสชอบที่จะฟัง
“ฮึก..ฮึก..ฮือ”
เรียวนิ้วเล็กจิกลงกับตู้ใบใหญ่เมื่อถูกคนด้านหลังแทรกเข้ามาในร่างทั้งที่เขายังอยู่ในท่าคลานเช่นนี้
แรงส่งที่เพิ่มมากขึ้นจนสุดท้ายจุนมยอนก็ได้แต่ซบใบหน้าเปื้อนน้ำตาลงกับหลังฝ่ามือของตนเอง
“ผมรักจุนมยอนนะ” ถ้อยคำกระซิบข้างหู พร้อมกับช้อนเอาร่างที่สลบไปพร้อมน้ำตาขึ้นอุ้ม
คริสวางร่างของคนรักลงบนเตียงนอนของเราอย่างทนุถนอม
ก่อนจะล้มตัวลงนอนเคียงข้างกันแล้วสอดแขนกอดเอวบางไว้จากทางด้านหลังด้วยความหวงแหน
ริมฝีปากก็พรมจูบทั้งเรือนผม ท้ายทอย และหัวไหล่ขาวๆที่มีแต่รอยรักจากกิจกรรมเรียกเหงื่อของเรา
“อย่าดื้อกับผมอีก แล้วผมจะไม่รุนแรงนะที่รัก”
สุดท้ายแล้วถ้าหากมันไม่ใช่ของเรายังไงมันก็ไม่ใช่..
แต่ถ้าหากมันเป็นของเราแล้วจะหนีให้ตายยังไงก็คงไม่พ้น..
อ่านแล้วกลับไปเม้นที่หน้าเด็กดีนะคะ >>Dek-d<<
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น