รถสปอร์ตคันหรูที่เบาะข้างๆมือเพื่อนสนิทนามว่าโอเซฮุนติดสอยห้อยตามมาด้วยจอดสนิทลง
ไอ้คุณเพื่อนก็หอบเป้ที่มีสารพัดอุปกรณ์วาดรูปของมัน
เดินไปยังห้องประจำที่อยู่ทางปีกด้านขวาของคฤหาสน์ ‘ห้องของจุนมยอน’
ชั่ววูบหนึ่งที่จงอินคิดว่าจะแอบตามไปดูสองคนนั้นเวลาจีบกัน
แต่พอเหลียวมองนาฬิกาแล้วเป็นเวลาเดิม ไม่ดึกไม่ดื่นแต่เช้าเลย
พลันเปลือกตาก็หนักอึ้งขึ้นมาจนจงอินเปลี่ยนทิศทางหมุนตัวไปทางปีกทางด้านซ้ายของคฤหาสถ์ที่เป็นห้องของตนเองแทน
เชิญมึงดื่มด่ำกับศิลปะของมึงตามสบายครับเพื่อนเซฮุน..กูไปนอนล่ะ
แกร๊ก!
หลังจากแยกกับจงอินเพื่อนรักมา
โอเซฮุนก็เดินตรงมาที่ห้องของคนในจินตนาการของเขาด้วยท่าทีที่ไม่รีบเร่ง แต่บางทีการล็อกประตูกันเอาไว้
มันก็น่าจะดีกว่าใช่หรือเปล่า?
แสงรำไรที่ลอดผ่านผ้าม่านผืนบางเข้ามาทำให้เห็นร่างของเจ้าของห้องที่นอนหลับสนิทขดตัวอยู่ภายใต้ผ้าห่ม
เซฮุนก้มลงดมที่เสื้อผ้าที่สวมติดกายมันคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นเหล้าและบุหรี่ก็ถึงกับย่นจมูกด้วยความขัดใจ
แต่แทนที่จะเดินตรงเข้าห้องน้ำไป
เตียงหลังกว้างกลับเป็นทิศทางที่เซฮุนเลือกจะเดินเข้าหา
ผ้าห่มผืนใหญ่ถูกดึงรั้งออกไปแต่คนที่ขดกายซุกไออุ่นก็ยังคงหลับสนิทไม่ได้รู้เนื้อรู้ตัวเลยสักนิด
เซฮุนทอดมองเรือนร่างบอบบางในเสื้อกล้ามตัวโคร่งสีขาวกับกางผ้าร่มขาสั้น เห็นแล้วก็พาลหงุดหงิดขึ้นมาที่คนขี้หนาวแต่กลับแต่งตัวแบบนี้นอน
ไหนจะเครื่องปรับอากาศที่ปรับอุณหภูมิต่ำจนเย็นยะเยือก
ถ้าเป็นหวัดขึ้นมาล่ะก็น่าดู
พลันความคิดแผลงๆก็แล่นเข้ามาในหัวพร้อมกับมือไม้ที่เอื้อมไปไล้ขาขาวๆดั่งใจคิด
ผิวเนียนที่ต่อให้สัมผัสกี่ครั้งต่อกี่ครั้งมันก็นุ่มลื่นมือจนฉุดให้เซฮุนควบคุมตัวเองไม่ได้เสียทุกที
“อือ”
ไม่รู้ว่าปล่อยให้ความต้องการเบื้องลึกเอาชนะสมองที่สั่งการได้อย่างไร
มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ส่งมือไปฟอนเฟ้นต้นขาขาวๆลึกลงไปในร่มผ้าเสียแล้ว
“....”
เสียงของเครื่องปรับอากาศภายในห้องมันดังกลบเสียงหัวใจ
แต่ถึงอย่างไรโอเซฮุนก็รู้ตัวดีว่าไม่ว่าจะเป็นกี่ครั้งต่อกี่ครั้งที่ได้ใกล้ชิดและได้สัมผัสนางฟ้าตรงหน้านี้
มือไม้และร่างกายมันก็สั่นราวกับเป็นครั้งแรกของเราเสมอ
จิตรกรหนุ่มหลับตาลงช้าๆ
ปล่อยตัวปล่อยใจลากสัมผัสไปทั่วเรือนร่าง ราวกับกำลังรังสรรค์ผลงานที่ล้ำค่า
หากเปรียบร่างกายเขาเป็นอุปกรณ์วาดภาพ
จุนมยอนในตอนนี้ก็ไม่ต่างจากกระดาษวาดภาพเนื้อดีที่เซฮุนจะจรดปลายพู่กันลงไป
“อ..อืม..”
เสียงหวานหลุดรอดจากริมฝีปากเล็กๆที่เผยอออกเล็กน้อยเพื่อระบายลมหายใจ
สัมผัสวูบหวามไม่ได้ทำให้คนที่หลับสนิทรู้สึกตัวขึ้นมา
แต่ร่างกายที่ถูกกระตุ้นก็มีปฏิกิริยาต่อทุกสัมผัส
เซฮุนก็ไม่รู้เหมือนกันว่าถ้าจุนมยอนลืมตาตื่นขึ้นมาจะโกรธกันไหม
แต่ถ้าให้หยุดทุกการกระทำลงตอนนี้ ให้เขาโดดหน้าต่างลงไปดูจะง่ายกว่ากันเยอะ
มือที่สั่นน้อยๆของเซฮุนเลิกชายเสื้อของคนหลับขึ้นช้าๆ
ก่อนจะมุดหัวเข้าไปภายในเสื้อกล้ามตัวหลวมที่จุนมยอนสวมใส่อยู่
เพิ่งจะเห็นข้อดีของเสื้อที่อีกฝ่ายสวมใส่อยู่ก็ตอนนี้ เรียวลิ้นร้อนทำหน้าที่เป็นพู่กันขนนุ่ม
ที่ตวัดลงบนหน้าท้องขาว ลากสัมผัสขึ้นมาจนถึงจุดสีชมพูเล็กๆ
ที่ถ้าให้เปรียบก็คงจะไม่ต่างจากโฟกัสของภาพที่ต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษ
เจ้าของร่างสูงโปร่งค่อยๆคลานขึ้นเตียงคร่อมร่างบอบบางช้าๆ
ใบหน้าที่อยู่ใต้ชายเสื้อขยับมาถึงแผ่นอกขาวๆที่กระเพื่อมขึ้นลงตามลมหายใจ
แต่ทันทีที่พู่กันอย่างโอเซฮุนตวัดย้ำๆที่จุดเล็กบนแผ่นอก
ร่างกายของคนที่หลับสนิทก็สะท้านตามจังหวะที่เขาแตะสัมผัสลงไป
มือที่วางค้ำกับเตียงขยับมาดันรูดกางเกงผ้าร่มที่ขวางทางอยู่ให้หลั่นจากสะโพกลงไปกองที่ต้นขาขาว
น้ำหนักมือที่นวดคลึงทำให้เรียวขาเล็กของคนหลับขยับถดไปมากับพื้นเตียง
หน้าท้องขาวที่หดเกร็งก่อนคนหลับจะขยับกระสับกระส่ายยามที่ถูกกระตุ้นหนักขึ้น
เวลามันผ่านไปนานเท่าไหร่ก็สุดจะรู้
รู้แต่เพียงว่าโอเซฮุนปวดหนึบไปทั้งตัวแล้ว
คนที่เสื้อผ้าบนร่างกายคละเคล้าไปด้วยกลิ่นเหล้าและบุหรี่ดันตัวขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับเอื้อมมือลงไปปลดตะขอกางเกงอย่างลวกๆ
ถึงเวลาที่ต้องใช้อุปกรณ์ที่สำคัญที่สุดในการวาดแล้ว..
“อ..อึก..”
ความเจ็บที่ชำแรกเข้ามาปลุกให้คนหลับลืมตาขึ้นโพลง
“อะ..เซฮุน!!”
ดวงตากลมโตก้มลงมองเจ้าของใบหน้าหล่อที่ซุกอยู่ในเสื้อของตนก็นึกอยากจะทุบตีพ่อจิตรกรสุดติสท์คนนี้เหลือเกิน
จะทำอะไรให้มันปกติเหมือนชาวบ้านเขาทำกันไม่ได้หรือไง
“ท..ทำอะไร..อึก!” คำตอบที่ได้คือความเจ็บที่สวนเข้ามาจากทางเบื้องล่าง
คนเพิ่งตื่นไม่มีโอกาสงัวเงียใดๆทำได้แค่ทุบหลังคนที่มุดอยู่ในเสื้อให้ออกมาดีๆ
เสียงหัวเราะของคนบนร่างยิ่งพาให้คนถูกรบกวนการนอนยิ่งหงุดหงิดจนต้องกระหน่ำทุบหลังกว้างไปแรงๆให้หายแค้น
“อืมมม”
คำตัดพ้อต่อว่าที่คนตัวเล็กเตรียมไว้ให้ยังไม่มีโอกาสจะได้พ่นออกมาในตอนนี้
กึก กึก กึก
เซฮุนกดจูบริมฝีปากกลับปากแดงๆ
ในขณะที่ขยับเข้าหาจุนมยอนอย่างแนบชิด
เสียงคำพูดใดๆจางหายไปพร้อมกับเสียงของเตียงหลังกว้างกระทบกับผนังเข้ามาทดแทน
“คิดถึง”
คำพูดสั้นๆในตอนที่เซฮุนผละจูบออกและบดจูบลงไปใหม่อีกครั้ง
เล่นมัดมือชกกันขนาดนี้แล้วจุนมยอนจะทำอะไรได้ล่ะ
ขนาดจะตอบออกไปว่าคิดถึงเหมือนกันยังทำไม่ได้
ไอ้เรื่องจะตัดพ้อต่อว่าที่ทำให้เขาเหนื่อยแต่เช้าก็สงสัยจะต้องพับเก็บเอาไว้
น่าจะเป็นหลังจากที่ร่างกายของเราเลิกคิดถึงกันอีกสักประมาณครึ่งชั่วโมงหลังจากนี้นั่นล่ะ
“ขอโทษ..”
หลังจากการคิดถึงในตอนเช้าจบลง
โอเซฮุนก็ง้อคนตัวเล็กด้วยการอุ้มร่างที่ขาวๆมาส่งให้ถึงภายในห้องน้ำ
แต่ก็เหมือนกับกำลังเล่นสงครามประสาทกัน เมื่อจุนมยอนไม่ยอมแม้แต่จะพูดอะไรสักคำ
มีแต่แววตาที่จ้องกันราวกับจะฆ่ากันผ่านทางสายตา
ซึ่งเซฮุนก็ทนกับสถานการณ์บ้าๆแบบนั้นต่อไปไม่ไหว
ยอมเอ่ยปากขอโทษกับความผิดที่ทำไปโดยไม่ยับยั้งชั่งใจ
“เหม็นบุหรี่เกือบตาย” คนที่นั่งหน้าบูดในอ่างอาบน้ำบ่นงึมงำ
ก่อนจะถอนสายตาจากใบหน้าหล่อของผู้บุกรุกที่นั่งก้มลงสูดกลิ่นบุหรี่ที่ว่าตามเนื้อตัวของตนเอง
จุนมยอนเห็นก็อดจะหมั่นไส้ไม่ได้เมื่อกลิ่นเหม็นที่ว่ามันติดมากับเสื้อผ้า
แล้วไอ้เสื้อผ้าที่พูดถึงมันก็กองอยู่หน้าห้องน้ำไปหมดแล้ว
“ก็คิดถึง..” เหตุผลสั้นๆที่บอกออกมา
จุนมยอนนึกหงุดหงิดตัวเองที่อยากจะโกรธแต่ก็ทำไม่ลง
ดวงตาคู่โตเหลือบมองภาพวาดของตัวเองที่แขวนไว้แม้ภายในห้องน้ำ
ไม่ต้องถามว่าเป็นฝีมือของใคร มีเพียงคนเดียว
คนที่ทำให้คิมจุนมยอนเหนื่อยแต่เช้านั่นล่ะ
“คนคิดถึงมันห้ามกันได้ด้วยหรือไง?” เซฮุนถามออกมาพร้อมกับยักคิ้วหลิ่วตาให้
จุนมยอนนั่งนิ่งอยู่ในอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ จบบทสนทนาทั้งหมดเอาไว้แต่เพียงเท่านี้
เพราะยิ่งพูดก็ยิ่งเข้าตัว และก็มั่นใจว่าอ่างมันกว้างพอที่คนสองคนจะนั่งอยู่ได้โดยไม่เบียด
แต่ทำไมยามที่อยู่กับเซฮุนทีไร ไม่ว่าที่ไหนๆก็ดูจะแคบไปถนัดตา
“เดี๋ยวอาบให้..”
“อะ..เซฮุน..ม..ไม่เอา” ชั่วพริบตาที่น้ำในอ่างมันถูกปล่อยออกจนเกือบหมด
พร้อมๆกับที่คนอาสาจะอาบน้ำให้ขยับเข้ามานั่งเบียดและใช้แขนยาวๆรั้งกอดคนตัวนุ่มนิ่มเอาไว้
“ได้แรงบันดาลใจรอบนี้
เดี๋ยววาดรูปสวยๆให้อีก”
กับศิลปินทั่วไปยามที่หัวมันตื้อคิดอะไรไม่ออกก็มักจะมีที่พึ่งอย่างเช่นเหล้า
บุหรี่ หรืออะไรก็ตามแต่ที่แต่ละคนชื่นชอบ
เพื่อให้หัวมันแล่นและคิดออกแบบภาพออกมาได้สวย แต่ความลับของโอเซฮุนอยู่ตรงนี้..
จุนมยอน..นอกจากจะเป็นคนในห้วงจินตนาการแล้ว
จุนมยอน..ยังเป็นแรงบันดาลใจที่ดีที่สุดของโอเซฮุน
“ที่เตียง..ก็..ไปแล้วไง” ตอบออกไปและยิ่งนึกกระดากอายที่จะพูด ก่อนมือเล็กๆจะตามตะปบรั้งมือที่ซุกซนของเซฮุนเอาไว้
“แต่นี่ในห้องน้ำ”
คนตัวสูงลอยหน้าลอยตาตอบก่อนจะช้อนเอวบางให้มานั่งบนตัก
มือหนาปัดไปเปิดฝักบัวด้านบนให้สาดลงมาบนร่างของเราทั้งสอง
พร้อมกับพรมจูบลงบนหัวไหล่ขาวๆด้วยความหลงใหล
“อื้อ..”
แก้มขาวและใบหูที่ขึ้นสีทำให้รู้ว่าจุนมยอนเขินมากแค่ไหน
แต่ยิ่งเห็นแบบนั้นก็ยิ่งดูน่าแกล้ง
“ท..ทำอะไร..” จู่ๆคนที่อ้อนขอแรงบันดาลใจก็เอื้อมมือไปปิดน้ำพร้อมกับมีท่าทีที่เปลี่ยนไปจนเจ้าของห้องตามแทบไม่ทัน
“ได้ไอเดียใหม่ อยากจะให้จุนมยอน...ลอง”
คนเสนอความคิดไม่พูดพร่ำทำเพลงแค่ประคองร่างเปลือยเปล่าของคนบนตักให้ขยับลงก่อนจะเอนกายลงนอนราบไปกับอ่างอาบน้ำที่ถูกปล่อยน้ำออกจนหมด
คำถามที่ว่าจะทำอะไรของจุนมยอนไม่ได้รับคำตอบเป็นคำพูด
หากแต่เซฮุนเลือกจะตอบเป็นการกระทำ..
“มานี่สิ”
มือหนาเอื้อมไปกุมมือเล็กๆของคนข้างกายพร้อมออกแรงรั้งให้ร่างบอบบางมานั่งอยู่บนอก
“เล่นอะไร..เซฮุน..บ..แบบนี้ไม่เอา..”
คนที่นอนอยู่เบื้องล่างส่งยิ้มให้ก่อนจะใช้สองมือดันก้นงอนๆให้ขยับถดกายเข้ามาใกล้ๆกับใบหน้ายิ่งขึ้น
“นั่งลงมา..ตรงนี้สิ” แววตาคมดุกำลังบอกให้คนที่นั่งอยู่บนอกทำตาม
ซึ่งอาการตัวสั่นและท่าทีลังเลทำให้มือใหญ่ๆต้องเอื้อมไปกอบกุมมือที่สั่นของคนบนตัวเอาไว้ทั้งสองข้าง
แล้วประคองให้ขยับเข้ามา
“จุนมยอน..”
เสียงครางหวิวชื่อของตนพร้อมกับแววตาที่เว้าวอนทำให้จุนมยอนกลั้นใจขยับไปตามที่เซฮุนต้องการ
เรียวขาเล็กทั้งสองข้างทรุดชันเข่าลงขนาบอยู่ข้างศีรษะของคนที่ล้มตัวลงนอนก่อนก่อนจะค่อยๆวางสะโพกลงช้าๆ
“อ.อะ..”
มือใหญ่ๆที่ประคองอยู่ที่เอวบางกดบังคับเบาๆจนบั้นท้ายอิ่มแนบสนิทไปกับใบหน้าหล่อของตนเอง
“ซ..เซฮุน..พ..พอเถอะ..อ..อะ..” มือเล็กๆวางค้ำที่ต้นขาตัวเองเอาไว้
จุนมยอนก้มลงมองใบหน้าหล่อที่ถูกบดบังด้วยบั้นท้ายของเขา ในใจก็อยากจะลุกออกเสียเดี๋ยวนี้แต่ก็ทำมาได้
เสียงจ๊วบจ๊าบพร้อมกับความร้อนที่แทรกเข้ามาตรงร่องก้นก็พาให้เจ้าของร่างนั่งแทบไม่ติด
จุนมยอนกระสับกระส่ายพยายามหาที่วางมือและหอบสะท้านอยู่อย่างนั้น ยิ่งยามที่ก้มหน้าลงไปผสานสายตาแล้วส่วนที่มันแสดงความต้องการของตนเองมันไปกระทบกับใบหน้าหล่อ
ก็ยิ่งรู้สึกอับอาย
“อ..ฮะ..เซ..ฮุน..” หน้าท้องขาวหดเกร็ง
พร้อมกับร่างกายที่สั่นสะท้านยามที่โพรงปากของจิตรกรหนุ่มกำลังพาให้ห้วงอารมณ์ของเขาไต่ระดับสูงขึ้นไป
คำว่าปล่อยตัวไปตามสบายของเซฮุนมันลอยเข้ามากระทบหู
หัวสมองที่ขาวโพลน
และความรู้สึกที่พร่าเบลอทำให้จุนมยอนเอื้อมมือข้างหนึ่งไปเกาะขอบอ่างเพื่อเป็นหลักยึด
ก่อนจะขยับสะโพกตามที่เจ้าของโพรงปากเป็นคนชักนำ
เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังก้องไปทั้งห้องน้ำสุดหรูแห่งนี้
สวรรค์ที่โอเซฮุนพานางฟ้าแตะไปถึง
ก่อนที่จะขยับกายดันตัวเองขึ้นยืนและประคองคนที่แข้งขาอ่อนให้ลุกขึ้นยืนด้วยกัน
กระแสน้ำอุ่นที่ไหลจากฝักบัวลงมากระทบร่างข้างใต้
เหมือนกับคืนความสดชื่นให้กับคนทั้งคู่ที่ยืนหายใจหอบถี่
“จุนมยอน..”
เสียงทุ้มครางชื่อคนเบื้องหน้า
พร้อมกับสอดเรียวแขนผ่านช่วงเอวบางไปโอบกอดเจ้าของชื่อไว้อย่างหวงแหน
“อ..อาบน้ำ..เถอะ” คำบอกจากริมฝีปากเล็ก
ก่อนที่มือไม้ที่ไม่รู้ว่าของใครเป็นของใครแตะสัมผัสบนร่างของกันและกัน
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นถ้าจะโทษเซฮุนคนเดียวก็ดูจะใจร้ายเกินไป
เพราะจุนมยอนก็เต็มใจจะให้มันเกิด ถึงได้ห้ามปรามออกไปไม่เต็มเสียงสักครั้ง ยามตกอยู่ในบ่วงที่อีกฝ่ายวางเอาไว้
ยอมเป็นกระดาษว่างเปล่าที่รออีกคนมาเติมเต็ม..
………………………………………………………..
หลังจากที่พ่อคนมีพรสวรรค์เรื่องวาดภาพออกปากว่าขอแรงบันดาลใจแล้วจะวาดภาพใหม่ให้กับเขา
นับรวมวันนี้ก็วันที่สามแล้วที่อีกฝ่ายหายหน้าหายตาไป
จุนมยอนไม่รู้ว่างานที่ผับมันยุ่งมากขนาดไหน
แต่เท่าที่ฟังจากจงอินเหมือนกับว่าเซฮุนกำลังทำอะไรสักอย่างซึ่งจงอินก็สุดจะรู้
เพราะเซฮุนไม่ยอมปริปากบอกใบ้เลยสักนิด
“สรุปแล้วพี่กับไอ้เซฮุนเป็นอะไรกัน?”
คำถามจากปากของน้องชายที่คอยช่วยเหลือเขามาตลอด
ทำให้จุนมยอนถึงกับไปไม่เป็น ได้แต่ส่งยิ้มแห้งๆแล้วส่ายหน้าปฏิเสธที่จะตอบออกไป
แต่ไม่คิดว่าการที่เลือกจะไม่ตอบจะเจอจงอินบ่นชุดใหญ่กลับมาว่าพอจะระแคะระคายเรื่องความสันพันธ์ของตัวเขากับเพื่อนสนิทตัวเองอยู่
ให้เลิกมีความลับน้องกับนุ่งซะ
“จงอินอยากรู้ก็ถามเซฮุนเองสิ” จงอินหัวเราะในลำคอเมื่อได้ฟังคำตอบของพี่ชาย
มือก็ยกขึ้นขยี้หัวด้วยความเบื่อหน่าย
“ผมถามมันเป็นรอบที่ล้านแล้ว
จะให้มันตอบกี่ที มันก็บอกผมแค่ว่ามันรักพี่”
“อ..อะ..อะไรนะ?”
คำตอบจากปากน้องชายทำให้คนที่อ้ำอึ้งไม่กล้าบอกสถานะความสัมพันธ์ถึงกับเก้อเขิน
ไม่ทันได้ถามหรือตอบอะไรต่อจากนี้
พ่อคนที่อยู่ในบทสนทนาก็เข้ามายักคิ้วหลิ่วตาให้เพื่อนรัก
พร้อมกับขออนุญาตพาพี่ชายตัวขาวออกไปหาที่วาดภาพสวยๆ
“เหอะ! ทำมาเป็นขออนุญาตกู
แล้วทำไมแน่จริงไม่อยู่รอให้กูบอกอนุญาตก่อนล่ะวะ”
รองเท้าคู่เก่งของจุนมยอนถูกถอดทิ้งเอาไว้บนรถพร้อมกับใช้เท้าเปลือยเปล่าสัมผัสลงกับเม็ดทรายละเอียด
เรียวแขนเล็กชูยืดขึ้นบิดขี้เกียจ พร้อมกับหลับตาลงช้าๆสูดกลิ่นทะเลให้ชุ่มปอด
ลมทะเลที่ลอยปะทะเข้ากับใบหน้าทำให้จุนมยอนรู้สึกสดชื่น
ผิดกับบรรดาผู้คนทั่วไปที่ไม่ค่อยชื่นชอบมัน เพราะมันทำให้รู้สึกเหนียวเหนอะหนะตัว
แต่จุนมยอนคิดว่ามันเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของเวิ้งน้ำที่กว้างใหญ่ไพศาลแห่งนี้
“ที่นี่ไม่ค่อยมีคนเลยเนอะ..เซฮุนรู้จักที่นี่ได้ยังไงหรอ?”
จุนมยอนหันกลับไปถามคนที่หอบกระดานวาดภาพพร้อมกับเป้เก่าใบเดิมเดินตามมา
“ถ้าเสียงดัง มันเสียสมาธิวาดรูป”
คำตอบจากคนตัวสูงทำให้นายแบบกิตติมาศักดิ์พยักหน้ารับก่อนจะอ้าแขนกว้างแล้ววิ่งเล่นไปตามแนวชายหาดที่ยาวสุดลูกหูลูกตา
ท่าทางเหมือนกับพาเด็กมาเที่ยวทะเลทำให้เซฮุนได้แต่หยุดยืนมองแล้วยิ้มกับตัวเอง
ปล่อยให้นางฟ้าตัวน้อยได้เล่นให้หนำใจก่อน เราค่อยมาเริ่มเรื่องของเรากัน..
“เซฮุน เราลงเล่นน้ำได้มั้ย?” เสียงเจื้อยแจ้วที่ตะโกนถามอยู่ไกลๆ
ทำให้คนถูกถามต้องกวักมือเรียกให้มาคุยกันใกล้ๆ
“ไม่ได้เอาชุดมาเปลี่ยนไม่ใช่หรือไง?” คำถามที่เหมือนคำตอบว่าไม่ให้ลงไปเล่น
ทำให้จุนมยอนยู่ปากอย่างขัดใจ ก่อนจะหันหลังกลับไปเดินเอาเท้าเขี่ยทรายเล่น
“โอเคๆ ตามใจ
แต่ถ้าหนาวขึ้นมาอย่ามาโวยวายนะ”
คำอนุญาตจากคนที่กลายเป็นผู้ปกครองจำเป็น
ทำให้จุนมยอนหันมาฉีกยิ้มกว้างก่อนจะวิ่งลงน้ำไปโดยไม่สนว่าเสื้อผ้าราคาแพงที่สวมใส่อยู่มันดูเก่าลงเพราะความเค็มและสีจากน้ำทะเล
ลงแรงที่ตีเข้ามาจนทั้งหูทั้งหน้าแบบชาไปหมด
ทำให้เซฮุนเลือกจะวางกระดานวาดภาพลงแล้วใช้กระเป๋าเป้ที่มีน้ำหนักมากกว่าวางทับเอาไว้
ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งกอดเข่าริมชายหาดมองดูคนตัวเล็กที่สนุกสนานกับการเล่นน้ำทะเลอยู่คนเดียว
น่าแปลกที่เพียงแค่ได้มองรอยยิ้มที่สดใส
เซฮุนก็มีความสุขไปกับจุนมยอนแล้ว
ไม่รู้ว่าพระเจ้าสรรค์สร้างคนคนนี้ขึ้นมาได้ยังไง
ทำไมถึงได้ร้ายกาจขนาดครอบงำทุกพื้นที่ในหัวใจ
และทำให้ผู้ชายที่ไม่เคยสนใจกับสิ่งใดๆรอบตัว
ยอมหยุดและวางสายตาเอาไว้ที่คนเพียงคนเดียวคนนี้
คนที่ชื่อ..คิมจุนมยอน
จิตรกรหนุ่มหล่อปล่อยให้นายแบบของตัวเองวิ่งเล่นและเอาแต่นั่งมองจนลืมเวลา
ต้องโทษที่ท้องฟ้าวันนี้ที่มีเมฆค่อนข้างมากทำให้แดดไม่แรงนัก
และก็ทำให้เขาวางใจได้เปราะหนึ่งที่อย่างน้อยจุนมยอนก็ไม่ต้องเสี่ยงจะไม่สบายเพราะน้ำเย็นๆและแดดแรงๆ
ก้อนเมฆก้อนใหญ่ก้อนแล้วก้อนเล่าที่ลอยผ่านหัวไป
เรียวนิ้วยาวจับดินสอในมือเอาไว้มั่น
ก่อนจะร่างภาพเบื้องหน้าที่วิจิตรงดงามราวกับนางฟ้าตัวน้อยที่กำลังเพลิดเพลินกับสระน้ำบนสรวงสรรค์
ฟังดูแล้วมันอาจจะชวนอ้วกไม่น้อย แต่คิมจุนมยอนเป็นแบบนั้นสำหรับโอเซฮุนจริงๆ
เป็นคนที่อยู่สูงมาก แต่เพราะคนที่เปิดประตูสวรรค์ให้เขาอย่างคิมจงอิน เซฮุนถึงได้มีความสุขอยู่ทุกวันนี้ได้
ภาพร่างที่ออกมาเป็นรูปเป็นร่างถูกวางลงข้างตัว
เซฮุนก้มลงมองดูเวลาหลังจากเริ่มเมื่อยล้าเพราะนั่งอยู่ในท่าเดิมนานๆ ถึงได้รู้ว่าจุนมยอนเล่นน้ำนานเกือบสองชั่วโมงแล้ว
เจ้าของร่างสูงดันตัวลุกขึ้นยืนก่อนจะตะโกนเรียกคนที่ตัวเปียกม่อล่อกม่อแลกให้กลับขึ้นมา
แต่ดูท่าว่าวันนี้คงได้สวมบทคุณพ่อจำเป็นจริงๆ
เมื่อเด็กดื้อที่อยู่ในน้ำไม่ยอมขึ้นมาตามคำสั่ง
“จุนมยอน อย่าให้ต้องลงไปนะ” เสียงทุ้มติดจะไม่พอใจตะโกนฝ่าไปกับเสียงคลื่น
แต่คนที่อยู่กลางน้ำก็ยังทำหูทวนลม หันหลังแล้ววิ่งลงน้ำไปทางอื่นหน้าตาเฉย
คนตัวสูงยืนรออยู่พักใหญ่แล้วคนที่อยู่ในน้ำก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะยอมขึ้นมา
สุดท้ายคงจะต้องตามลงไปจัดการจริงๆ ดวงตาคมกวาดมองพื้นที่โดยรอบ มีผู้คนที่อยู่ตามชายหาดห่างออกไปไกลลิบ
และก็มีคนเล่นน้ำอยู่บางตา ถ้าให้กะระยะสายตาจากบริเวณที่เขาอยู่ก็ไกลเกือบกิโล
รองเท้าคู่เก่งถูกถอดวางลงเคียงข้างกับกระเป๋าเป้และกระดานวาดภาพ
เซฮุนก้มลงไปพับขากางเกงขายาวขึ้นมาทบไว้ที่หัวเข่า พร้อมกับถกแขนเสื้อเชิ้ตแขนยาวมากองไว้ที่ข้อแขน
ก่อนจะย่างสามขุมเดินลงทะเลไปหาคนที่สนุกกับการเล่นน้ำจนลืมคนที่มาด้วยกันไปแล้ว
“พูดไม่ฟัง”
คำดุที่ไม่จริงจังนักพร้อมกับวงแขนที่ตวัดกอดนางฟ้าตัวน้อยมาไว้ในอ้อมแขน
“ขอเล่นอีกหน่อยนะเซฮุน..อีกแปบเดียวเอง” คนถูกจับได้หันมาอ้อนตาใส
“งั้น...เล่นด้วยกันนี่ล่ะ” รอยยิ้มร้ายทำให้จุนมยอนค้านหัวชนฝา
ดึงรั้งแขนที่โอบกอดตัวเองออกอย่างเอาเป็นเอาตาย
“ไม่เอา..ไม่เล่นกับเซฮุนหรอก” ใบหน้าหวานส่ายพรืด
พร้อมกับปากเล็กๆที่เบะเหมือนเด็กถูกขัดใจ
“หืม?”
ครางถามในลำคอ พร้อมกับจับจูงคนตัวเล็กให้เดินมาหยุดยืนตรงน้ำที่อยู่ในช่วงระดับเอว
เพราะมันดูไม่ลึกเกินไปและไม่ตื้นเขินเกินไป ยามที่คลื่นซัดเข้ามา
มันก็คงจะไม่รบกวนเราสักเท่าไหร่
“ว่าไงนะ?”
ถามออกไปเสียงเข้มก่อนจะดันไหล่พลิกตัวคนที่ชอบขัดใจให้หันมาเผชิญหน้ากัน
“ห้าม..นะ”
จุนมยอนร้องท้วงพร้อมกับรีบคว้าเรียวนิ้วยาวที่กำลังไต่มาตรงสาบเสื้อที่เปียกชื้นของตัวเองเอาไว้
แต่ไม่รู้ว่าห้ามช้าไปหรือเปล่ากระดุมเม็ดเล็กๆสองเม็ดบนมันถึงได้หลุดออกจากรังดุมกันอย่างง่ายดาย
ดวงตาคู่สวยจับจ้องมือที่ละออกจากกระดุมแล้วค่อยๆวางที่บั้นเอวด้วยหัวใจเต้นระส่ำ
ลุ้นว่าเซฮุนกำลังจะทำอะไรต่อไป
และคำตอบที่ได้ก็คือริมฝีปากที่บดเบียดลงมาอย่างไม่ทันตั้งตัว
อ้อมแขนแข็งแรงโอบกระชับเอวบางเอาไว้
ในตอนที่ริมฝีปากเคล้าคลึงกัน เรียวปากได้รูปกดจูบย้ำๆกับปากแดงๆของคนตัวเล็ก
ก่อนจะดูดริมฝีปากล่างสลับกับบนจนเจ้าของปากแดงช้ำครางประท้วง
“ด..เดี๋ยว.อื้อ..” เรียวลิ้นที่ส่งเข้ามาโรมรันทำให้คำพูดทั้งหมดถูกดูดกลืนไป
เกลียวคลื่นที่สาดเข้าฝั่งกระทบร่างของเราทั้งคู่ไปช้าๆ
มือไม้ที่ว่างของคนตัวสูงขยับจากบั้นเอวสอดลึกไล้สัมผัสไปทั่วแผ่นหลังเนียน
ลูบและคลึงจนชายเสื้อที่เปียกชุ่มมันขยับขึ้นมากองอยู่เหนือบั้นเอวขาว
จุนมยอนลืมตาขึ้นช้าๆมองผ่านไหล่ของคนตัวสูงไปเห็นผู้คนที่อยู่ไกลๆกำลังมองมาที่เราทั้งคู่ก็ใบหน้าเห่อร้อนขึ้นมาจนใบหูและแก้มนุ่มๆแดงปลั่ง
“อือ..เซฮุน..พ..พอเถอะ”
คนถูกขอให้พออืมรับในลำคอก่อนจะฝังใบหน้าลงกับลาดไหล่เล็ก
แล้วดึงรั้งเสื้อเปียกๆให้หลุดออกจากหัวไหล่ข้างนั้น
กลีบปากได้รูปประทับรอยไล่จากไหล่ขาวๆมาจนถึงซอกคอ
เทียวย้ำเทียวดูดดึงแม้เจ้าของมันจะร้องท้วงขอให้หยุดก็ตามที
“ชอบเล่นน้ำไม่ใช่หรอ?”
มุมปากที่ยกยิ้มขณะที่ถามคำถามออกมาเป็นสิ่งที่จุนมยอนเห็นแล้วนึกหมั่นไส้อยากจะชกหน้าหล่อๆให้หงายเงิบ
แต่ก็ทำได้เพียงแค่คิด
“ไม่อยากเล่นน้ำแล้วหรอ?”
อากัปกริยาที่ส่ายหัวในฉับพลันทำให้คนตัวสูงหลุดยิ้มด้วยความเอ็นดู ก่อนจะก้มลงช้อนอุ้มคนตัวเบาหวิวเดินขึ้นจากน้ำไป
“เซฮุน!”
ถึงจะร้องออกมาแบบนั้นแต่จุนมยอนก็รีบใช้เรียวแขนทั้งสองข้างกอดคอคนตัวสูงเอาไว้แน่น
จนกระทั่งถูกพามาวางลงตรงพื้นทรายใกล้ๆกับที่ข้าวของของเราวางอยู่
“หืม?”
แววตาที่ดูไม่ค่อยน่าไว้วางใจทำให้จุนมยอนรีบดันตัวลุกขึ้นยืนตั้งท่าจะวิ่งกลับไปที่รถแต่แขนยาวๆและมือหนาที่คว้ากอดเอาไว้ได้ทันทำให้ต้องหยุดนิ่งอยู่กับที่
เนื้อตัวที่สั่นงกๆเพราะความหนาวจากตัวที่เปียกโชกแล้วยังต้องมาเจอกับลมแรงๆทำให้เซฮุนใช้แขนข้างหนึ่งกวาดเอาข้าวของไว้ในอ้อมแขนและแขนอีกข้างก็โอบเอวบางให้เดินหลบมุมไปใต้ต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ใกล้ๆ
ปึก!
ของทั้งหมดถูกโยนลงไว้ข้างตัว
หากแต่จุนมยอนก็ยังคงยืนนิ่งอยู่เช่นเดิม มองดูคนรักของตัวเองที่นั่งชันเข่าลง มองแววตาของคนที่อยู่ต่ำกว่าเหมือนกับสั่งกลายๆให้จุนมยอนนั่งลงเสีย
แต่เพราะความอับอายจากสายตาผู้คนก่อนหน้านี้ทำให้คนตัวเล็กเลือกที่จะปฏิเสธและยืนกรานที่จะยืนอยู่อย่างนั้น
“ก็ได้”
ท่อนแขนยาวกอดขาขาวๆเอาไว้ก่อนจะลงมือปลดกางเกงที่เปียกโชกหลุดออกไปทางข้อเท้า
“เซฮุน..อย่า..”
คนตัวเล็กก้มลงมาปัดป้องแขนที่กอดรั้งเรียวขาตนเองเอาไว้
แต่สุดท้ายท่อนขาที่เย็นเฉียบกลับถูกจับให้วางพาดลงบนไหล่กว้างแทน
“อะ..อย่า..”
จุนมยอนพยายามขยับขาข้างที่พาดบนไหล่กว้างลงแต่ลิ้นร้อนที่แตะสัมผัสลงตรงส่วนที่เริ่มตื่นตัวกลับทำให้เรี่ยวแรงทั้งหมดเหือดหายไป
มือเล็กๆทั้งสองข้างที่ผลักไสอย่างเอาเป็นเอาตายบัดนี้ทำได้แค่วางค้ำกับไหล่กว้างแล้วขยุมลงไปตามแรงอารมณ์
ใบหน้าหวานแหงนเพริ่ดขึ้นพร้อมกับร่างกายที่กระตุกเป็นระยะๆเมื่อโอเซฮุนกำลังจงใจแกล้งกัน
ด้วยเรียวลิ้นที่ช่ำชอง
“ด..เดี๋ยว..คนเห็น..”
เสียงหัวเราะในลำคอพร้อมกับที่เซฮุนเอื้อมมือมาจับเรียวขาที่พาดอยู่บนหัวไหล่ของตนเองลง
“ฮึก”
วินาทีที่ฝ่าเท้าทั้งสองข้างของจุนมยอนแตะลงกับพื้นทราย
ร่างกายที่ไร้เรี่ยวแรงก็ทรุดฮวบลงตรงหน้าจนเซฮุนต้องรวบกอดไว้ จุนมยอนขยับแขนขึ้นโอบรอบลำคอของคนตรงหน้าพร้อมกับชันเข่าขึ้นนั่งในท่าเดียวกันกับร่างสูง
คำว่า ‘แค่มองตาก็รู้ใจ’ เซฮุนไม่เคยรู้ซึ้งถึงความหมายของมันมาก่อนจนวินาทีที่ได้ผสานสายตากับจุนมยอนในตอนนี้
เขาถึงได้เข้าใจมันอย่างถ่องแท้
นาทีที่เขาเคลื่อนใบหน้าเข้าหา
ใบหน้าหวานที่ผินหลบเปิดลำคอให้ ทำให้เซฮุนกดจูบย้ำๆลงไปให้สมกับความน่ารักของนางฟ้าของเขา เรียวนิ้วยาวเขี่ยกระดุมเม็ดที่เหลือบนเสื้อของคนตัวเล็กเล่นจนมันหลุดออกจากรังดุมไปหมด
“ถอดให้หน่อยสิ” เสียงทุ้มกระซิบชิดใบหูนิ่ม
พร้อมกับมือเล็กๆที่ปัดป่ายมาช่วยปลดกระดุมเสื้อออกให้อย่างว่าง่าย ดวงตาคู่โตจับจับจ้องอยู่กับกระดุมเม็ดเล็กๆอย่างตั้งอกตั้งใจ
จนโอเซฮุนที่ทำแค่มองกลั้นยิ้มเอาไว้ไม่อยู่ แกล้งขยับเข้าไปใกล้ใบหน้าหวานก่อนจะกดจูบลงไปบนเรียวปากเล็กอีกครั้ง
ริมฝีปากแดงๆของจุนมยอนมันหวานและล้ำค่ายิ่งกว่าน้ำทิพย์ชั้นดีจากสรวงสวรรค์ใดๆ
ความหนุ่มหยุ่นที่ติดตรึงกลับกลีบปาก
หรือเรียวลิ้นเล็กๆที่ตอบสนองทุกสัมผัสจากเขา
ทำให้เซฮุนรู้สึกว่ากำลังเสพติด
และต้องการตักตวงมันจากร่างบอบบางอยู่ตลอดเวลา
เวลาที่ล่วงเลยไปพร้อมกับความเขินอายถูกลบลืมไปเสียหมด
ราวกับว่าที่แห่งนี้มีแค่เราสอง...
รสจูบของโอเซฮุนเหมือนกับยากล่อมประสาทอย่างแรงที่ทำให้คนที่ได้ลิ้มลองมึนเมาจนจำอะไรแทบไม่ได้
และร่างกายก็ตอบสนองอีกทั้งยังทำอะไรออกไปโดยที่ไม่รู้ตัว
เหมือนกับในตอนนี้ที่เราทั้งคู่ล้มตัวลงนอนเกลือกกลิ้งกับเม็ดทราย
โดยที่เสื้อผ้าที่สวมติดกายมาถูกสลัดทิ้งออกไปจนหมด
“เลอะหมดเลย” เสียงทุ้มที่แหบพร่าพร้อมกับแรงกดจูบที่หัวไหล่จากคนที่นอนตระกองกอดอยู่ด้านหลังทำให้จุนมยอนห่อไหล่ด้วยความจั๊กจี้
ก่อนจะนอนตะแคงทอดสายตามองไกลออกไป
“มันเป็นศิลปะจากเม็ดทราย..” คำอธิบายจากศิลปินหนุ่ม
ก่อนที่มือเรียวสวยที่จับแต่ดินสอและปลายพู่กันคู่นั้นจะสอดผ่านบั้นเอวมาประสานนิ้วมือกับมือเล็กๆของคนทางด้านหน้าเอาไว้
“อะ..ฮึก..”
จุนมยอนนอนงอตัวเล็กน้อยในตอนที่คนนอนตะแคงอยู่เบื้องหลังกดกายเข้ามาในร่างลึกจนสุด
เซฮุนกระชับแขนโอบกอดเรือนกายขาว
เรียวนิ้วมือทั้งสองข้างก็ประสานกันแน่นยามที่ขยับกายอยู่บนผืนทรายแห่งนี้ เม็ดทรายเล็กๆติดตามลำตัวที่เปียกชื้นของคนที่นอนขยับพร้อมกันทั้งคู่
“อื้อ..เซฮุน...”
มือเล็กๆกระชับบีบมือที่ประสานกันให้แน่นยิ่งขึ้น
ในตอนที่แรงขยับมันถี่รัวขึ้น ใบหน้าหวานหันกลับมามองคนทางด้านหลังด้วยแววตาฉ่ำน้ำ
ก่อนจะได้จูบหวานๆเป็นการปลอบประโลม
จวบจนท้องฟ้าเริ่มจะเปลี่ยนสีลง
ความอุ่นร้อนจากกิจกรรมเรียกเหงื่อก็ถูกปลดปล่อยออกมา
จุนมยอนมองกระดานวาดภาพของเซฮุนที่วางอยู่ถัดกันเปียกชื้นไปด้วยความสุขที่เอ่อล้นของตัวเขาก็รู้สึกผิดขึ้นมา
แต่หากจะให้โทษเขาก็คงไมได้ เพราะเจ้าของกระดานวาดภาพนั่นต่างหากที่ปลุกปั้นและพาให้เขาทำแบบนี้เองต่างหาก
ท้องฟ้าจากสีฟ้าครามค่อยๆถูกกลืนกินด้วยสีส้มแดง
แต่แผ่นกระดาษที่โอเซฮุนเตรียมมาวาดภาพมันยังคงถูกแต่งเติมยังไม่เสร็จ...
ครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่น่าอายกว่าครั้งไหนสำหรับจุนมยอน
และสาบานได้เลยถ้าหากให้กลับมาที่นี่อีกก็คงจะไม่กล้าบากหน้ามาอาบลมห่มฟ้าและทำเรื่องบ้าๆเช่นนี้อีกเป็นครั้งที่สองแน่นอน
เกลียวคลื่นที่สาดเข้ามากระทบฝั่งก่อนจะวิ่งย้อนคืนออกไป
อีกทั้งดวงอาทิตย์ที่คล้อยลงต่ำมันคงจะน่ามองกว่านี้
หากเบื้องหน้าของจุนมยอนไม่ใช่กระดานวาดภาพของคนตัวสูง
จุนมยอนกระถดบั้นท้ายไปมาบนตักของนักวาดภาพที่นั่งขัดสมาธิอยู่
ภาพและบรรยากาศทุกอย่างก็คงน่าดูกว่านี้ถ้าหากอุ้งมือใหญ่ๆไม่ได้ดันขาเขาออกกว้างแล้วส่งมือมาเค้นคลึงและเร่งจังหวะแข่งสายลมแบบนี้
“ร..เรา..เหนื่อย..”
เสียงครางหวิวพร้อมกับแผ่นหลังเปลือยที่อิงกับแผ่นอกของคนรัก
แต่เรียวนิ้วที่สะกิดปลายยอดอกไปพร้อมๆกับชักนำทางด้านล่าง
ทำให้จุนมยอนนั่งหอบโกยอากาศเข้าปอด พร้อมกับกระตุกเป็นระยะๆ
“พอแล้ว..เซฮุนอ่า..”
ของเหลวจากร่างกายขาวกระจ่างถูกรีดเค้นออกมาและฉีดพ่นลงบนแผ่นกระดาษสีขาวบนกระดานวาดภาพตรงหน้าขา
จุนมยอนก้มลงมองหน้าขาที่วางตั้งฉากกับหาดทรายของตนเอง
อีกทั้งความฉ่ำเยิ้มที่สาดจนทั่วแผ่นกระดาษวาดภาพ
ก็ได้แต่ก้มหน้างุดไม่กล้าสู้หน้า
“จุ๊บ”
แรงจูบหนักๆที่ข้างแก้มเป็นรางวัลสำหรับนักเรียนคิมจุนมยอนคนเก่ง
ก่อนเราทั้งคู่จะนั่งมองดวงอาทิตย์ที่ลับขอบฟ้าไปด้วยกัน
“หยดสีกับกระจายสีแบบนี้ มันต้องมองให้เป็นศิลปะนะ” คำหยอกเย้าของเซฮุนที่กำลังหมายถึงกระดาษที่เลอะเป็นวงกว้างตรงหน้า
ทำให้คนที่หมดแรงอยู่บนตักหันกลับมาแยกเขี้ยวใส่
“มองไปคนเดียวเถอะ” เซฮุนกระชับกอดคนที่งอนเสียยกใหญ่เอาไว้แน่น
พร้อมกับกดปลายจมูกลงบนเรือนผมนุ่มซ้ำๆ
จนกระทั่งท้องฟ้าสีส้มกลายเป็นสีดำสนิท
มีเพียงแสงจันทร์และแสงดาวที่สาดส่องลงมา
เซฮุนถึงได้คว้าเสื้อผ้ามาสวมใส่ลวกๆแล้วอุ้มคนที่หลับสนิทไปส่งขึ้นรถ
โดยไม่ลืมที่จะกลับมาเก็บอุปกรณ์ทำมาหากินไปโยนไว้หลังรถด้วย จังหวะที่จะผละออกมา
เรียวนิ้วยาวก็แตะแผ่วๆลงกระดาษวาดภาพที่ยังชื้นๆอยู่พร้อมกับดวงตาที่จ้องมันอยู่นิ่งนานนับนาที
“อ..อือ..”
เสียงของคนหลับที่นอนไม่สบายตัวทำให้เซฮุนถอนสายตาออกจากภาพร่างนั้น
ก่อนจะกลับมาขึ้นรถหาที่ให้นายแบบส่วนตัวของเขาได้พักผ่อน
ความเงียบสงัดยามค่ำคืนถูกรบกวนด้วยเสียงแหบพร่าของคนข้างกายที่กำลังถกเถียงกับน้องชายของตนเองอยู่
เซฮุนเหลือบมองคนตัวเล็กที่หันหลังให้กับเขาก็ได้แต่ยิ้มกรุ้มกริ่ม
นั่งมองดูคนที่ยืนคุยโทรศัพท์อยู่อย่างนั้น จนสุดท้ายดูท่าว่าจงอินมันจะยอมพ่ายแพ้ไปถึงวางสายลงได้
“โดนจงอินดุเลย..” จุนมยอนบ่นอุบอิบแต่ก็ยังคงยืนเกาะม่านตรงริมระเบียงอยู่อย่างนั้น
“จุนมยอน..มานี่หน่อยสิ” คำพูดที่ไม่ต้องเสียเวลาคิดให้เปลืองเวลา
คนถูกเรียกชื่อส่ายหน้ารัวๆ แต่เซฮุนก็ไม่ได้ถือโทษโกรธอะไร
เพราะเข้าใจว่าจุนมยอนของเขาขี้อายขนาดไหน อันที่จริงตอนนี้ก็ตีสองกว่าๆแล้ว
จงอินมันคงเห็นว่าทั้งเขาและพี่ชายของมันเงียบกริบจนนึกเป็นห่วงถึงได้โทรมาตาม
แต่ความเหนื่อยล้าทำให้เซฮุนเลือกจะแวะโรงแรมที่อยู่ไม่ไกลจากชายหาดที่ไปวาดรูปเท่าไหร่นัก
ก็แค่อยากหาที่นอนให้จุนมยอนดีๆ
ขืนกลับไปทั้งแบบนั้นคนขี้หนาวจะไม่สบายเอา
แต่ทั้งหมดมันก็คงไม่เกี่ยวกับการที่โอเซฮุนเป็นบ้าเป็นบอไม่ยอมให้เราทั้งคู่สวมอะไรติดกายเลยสักชิ้นภายในห้องพักชั่วคราวแห่งนี้หรอก
ถ้าจะถามหาเสื้อผ้ามันก็ถูกเอาไปอบแห้งอยู่ ส่วนเรื่องเสื้อคลุมอาบน้ำไม่ใช่ว่าไม่มี
แต่พ่อคนติสท์ไม่ยอมให้ใส่ เพราะอ้างเรื่องแรงบันดาลใจอะไรนั่นขึ้นมาอีก
“เซฮุน!” คนตัวเล็กร้องแหวออกมาลั่นห้องเมื่อร่างสูงเดินนวยนาดมาสวมกอดเขาอย่างไม่อาย
“ยืนเกาะม่านแน่นเชียว อายอะไรนักหนา
ก็เห็นกันออกบ่อย”
คนไม่อายรวบเอวบางรั้งให้เดินตามกันมานั่งเบียดกันอยู่บนโซฟาตัวเล็กๆมุมห้อง
“บ่อยยังไงก็ไม่มีใครเค้าชินกันหรอก” จุนมยอนร้องท้วงดันมือกับอกคนที่สวมกอดเอวตนเอง
แต่เซฮุนก็แค่ยิ้มละมุนแล้วดึงโทรศัพท์ในมือโยนออกไปทางอื่นแทน
“การรู้จักตัวเองให้ดี..ก็..เป็นทริคสำคัญเวลาวาดรูปนะ” เซฮุนพูดออกมาหน้าตาเฉย
ก่อนจะกุมมือเล็กๆสองข้างมาแนบกับแก้มตนเอง
แปลงร่างกลายเป็นลูกหมาตัวเชื่องที่อ้อนเจ้าของมัน
“ล..แล้ว..มันเกี่ยวกับเราตรงไหนหรอ?” ดวงตากลมโตเสหลบไปทางอื่น
เมื่อไม่สามารถหาจุดโฟกัสสายตาได้ ลำพังแค่จ้องตาเซฮุนตรงๆก็ว่ายากแล้ว
แต่การที่มานั่งอวดเนื้อหนังมังสากันแบบนี้ มันยิ่งทำให้มองลำบากกว่าเก่าเสียอีก
“มาทำความรู้จักตัวเองหน่อยเป็นไง..หืม?” เสียงร้องโอ๊ะออกมาเบาๆเมื่อคนชักชวนอุ้มคนตัวเล็กกว่าให้ลงกับตัก
มือเล็กๆที่ประคองข้างแก้มตอบย้ายมาผลักอกกว้างเอาไว้แทน
“ดูนี่สิ”
ความร้อนจากปลายนิ้วลากสัมผัสจากลำคอขาวมาหยุดคลึงตรงแอ่งชีพจร
ก่อนจะลากลงมาจนถึงจุดเล็กๆสองข้างบนแผ่นอก
“ฮ..ฮะ..”
จุนมยอนหดเกร็งหน้าท้องยามที่ปลายเล็บของอีกคนสะกิดที่ส่วนยอด
เรียวขาขาวๆข้างหนึ่งถูกจับยกพาดให้เจ้าของร่างต้องมานั่งคร่อมบนตักคนรักบนโซฟาตัวเล็กๆอย่างทะลุกทุเล
“จ๊วบ”
ริมฝีปากได้รูปงับลงที่ยอดอกอีกข้างที่ไม่ได้สัมผัส
เสียงดูดดึงและเรียวลิ้นที่ตวัดรัวตรงปลายยอดไม่ทำให้จุนมยอนใจเต้นได้ไม่เท่ากับดวงตาสื่อความหมายที่เซฮุนมองสบมา
เหมือนกับถูกตรึงเอาไว้ด้วยโซ่พันธนาการที่แข็งแกร่งจากแววตาคู่นั้น
“อ..อืมม...” เสียงทุ้มครางต่ำในตอนที่ไล่ขบดูดจากแผ่นอกขึ้นมาจนถึงติ่งหูเล็ก
เรือนร่างงดงามบนตักสะดุ้งเบาๆ ก่อนจะขยับบั้นท้ายไปมาบนหน้าเจ้าของเสียงคราง
“อ๊ะ!” วงแขนแกร่งโอบกระชับรอบแผ่นหลังคนตัวนุ่มนิ่มให้เบียดเข้ามาแนบชิดเสียจนแม้แต่อากาศก็ยังแทรกเราทั้งสองเข้ามาไม่ได้ ยอดอกที่ตั้งชันของคนทั้งคู่แนบชิดกันสนิทก่อนจุนมยอนจะครางประสานออกมาในตอนที่ถูกมือหนากดแผ่นหลังให้อกเราทั้งคู่เบียดกัน
และจงใจให้จุดเล็กๆที่แผ่นอกมันขยี้และเสียดสีกัน
อาจเพราะถูกมนต์สะกดจากดวงตาเซ็กซี่คู่นั้น
จุนมยอนถึงได้ใช้เรียวแขนโอบรอบลำคอของคนตรงหน้า
แล้วขยับแผ่นอกเข้าหาและขยับกายเพื่อให้มันสะกิดกันครั้งแล้วครั้งเล่า
เสียงสูดหายใจเข้าลึกๆพร้อมกับข้างลำคอที่รู้สึกจั๊กจี้ขึ้นมาทำให้จุนมยอนผละออกมามองหน้าอีกฝ่ายตรงๆ
“เซฮุน!”
เจ้าของชื่อกุมมือเล็กๆมารูดเร้าตรงส่วนที่มันตึงเครียดกลางกาย
มุมปากยกยิ้มเล็กน้อยเมื่อของคนที่เบียดเสียดและเกยกันอยู่ก็รู้สึกแบบเดียวกัน
“อ๊ะ!” แรงดึงกระชับกอดแบบไม่ทันให้ตั้งตัวทำให้ทุกส่วนของร่างกายเบื้องหน้าแนบชิดกันอีกครั้ง
หากแต่ครั้งนี้อ้อมแขนที่รัดรึงร่างจุนมยอนเอาไว้ เหมือนกับจะจงใจให้ทั้งแผ่นอก
และส่วนล่างของเรามันเสียดสีกันโดยที่ไม่ต้องใช้มือหรือส่วนอื่นเป็นตัวช่วย
พอขยับไปนานเข้าก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเนื้อตัวมันเสียดสีกันหรือเพราะไอ้ความอัดอั้นที่รอการปะทุกันแน่ถึงได้ทำให้ร่างกายของคนทั้งคู่ร้อนผ่าวเช่นนี้
เม็ดเหงื่อผุดซึมออกมาตามผิวกายและไรผมทั้งๆที่ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศก่อนหน้านี้
มันเรียกได้ว่าเข้าขั้นเย็นมากจนหนาวเลยด้วยซ้ำ
“ฮึก!”
มัวแต่เคลิบเคลิ้มกับสัมผัสจนร่างกายสะดุ้งสุดตัวในตอนที่ส่วนล่างที่เบียดเสียดของเซฮุนกดเข้ามาในเรือนกายของคิมจุนมยอนเรียบร้อยแล้ว
แรงจูบหนักที่ข้างแก้มก่อนที่ลิ้นร้อนจะแตะตรงมุมปากจนจุนมยอนยอมเผยอริมฝีปากแล้วปล่อยทุกอย่างดำเนินไป
“อะ..ฮะ..”
แรงส่งกายเข้าหาส่งให้ร่างของนายแบบตัวขาวขยับโยกบนตักเร็วขึ้น
“เซฮุน..อื้อออ..” ความต้องการที่ล้นปรี่ของจุนมยอนที่มันตีขึ้นลงกับหน้าท้องแกร่งยามที่ขยับกายขึ้นลงบนตัวตนของโอเซฮุน
จนรู้สึกเขินอายขึ้นมา
“ดูนั่นสิ..จุนมยอน..” ใบหน้าหวานถูกประคองให้หันไปยังมองยังทิศทางที่ดวงตาคู่คมกำลังมอง
ภาพร่างกายเปลือยเปล่าของคนสองคนที่นั่งซ้อนตักกัน
และภาพของตัวเขาเองที่ขยับขึ้นลงอยู่บนตัวเซฮุน มันสะท้อนให้เห็นชัดเจนบนกระจกบานใหญ่ที่อยู่ด้านตรงข้ามของเรา
รอยยิ้มของคนที่ฝังกายอยู่ในตัวส่งผ่านมาทางกระจกมันยิ่งทำให้จุนมยอนต้องซุกใบหน้าลงกับซอกคอของคนรักด้วยความอับอาย
“รู้หรือยัง ว่าตัวเองเซ็กซี่ขนาดไหน?” สาบานได้ว่าไม่ได้ตั้งใจจะแกล้งให้อีกฝ่ายเขินอาย
โอเซฮุนก็แค่อยากให้นางฟ้าในห้วงจินตนาการของเขาเห็นว่าทุกครั้งที่เรากำลังมีความสุขกัน
สีหน้าของจุนมยอนมันกระตุ้นเขาขนาดไหน
เรียวปากแดงช้ำ ดวงตาคู่โตฉ่ำน้ำ
หรือจมูกจิ้มลิ้มน่ารักที่ส่งผลให้เครื่องหน้าหวานๆดูเซ็กซี่ขึ้นมา
ไม่นับเสียงครางหวานหู ที่ทำให้ความเป็นเซฮุนที่จมลึกอยู่ในร่างนั้นมันปวดหนึบแทบทุกครั้ง
แล้วยังงี้จะโทษที่เขาเกิดอยากสร้างแรงบันดาลใจในการวาดรูปบ่อยๆฝ่ายเดียวได้ยังไงกัน
“อย่าเล่น.บ..แบบนี้สิ” เซฮุนหัวเราะเอ็นดูกับความน่ารักของคนในอ้อมกอด
ดวงตาที่จดจ้องภาพในกระจกเงา หันเหกลับมามองเจ้าของร่างบอบบางตรงหน้า
ก่อนจะกดจูบที่เรือนผมนุ่มแล้วประคองกายที่ขยับบนตักอย่างทะนุถนอม
อย่างน้อยก็ไปจนกว่าเราจะสุขสมกันอีกสักครั้งสองครั้ง
RrrrrRrrrrrrrrrrrrrRrrrrrr
มือหนารีบตะปบค้วาโทรศัพท์มารับก่อนที่เสียงเรียกเข้าของมันจะดังกวนใจไปมากกว่านี้
และก็ต้องยกห่างออกจากหูแทบไม่ทันเมื่อคิมจงอินโทรมาสวดเขายับที่พาพี่ชายตนเองหายไปครึ่งค่อนคืน
“นี่มึงเป็นพ่อกูหรือไง?” เสียงตะโกนตอบกลับมาว่าหากเป็นจริงๆ
คิมจงอินคงระเบิดหัวไอ้ลูกชายไม่เอาไหนอย่างโอเซฮุนทิ้งไปแล้ว
(แล้วพี่กูล่ะ? เป็นไงบ้าง) เซฮุนเหลือบมองคนที่จงอินถามถึงก่อนจะลอบยิ้มกับตัวเอง
“ก็เรียบร้อยดี”
(มึงหมายถึงอะไรเรียบร้อย!? ไอ้เซฮุนตอบกูมาดีๆนะมึง)
ติ๊ด!
เสียงกดตัดสัญญาณก่อนที่หัวเข่าจะจิกลงกับพื้นเตียงในตอนที่ส่งกายเข้าไปในร่างของคนที่หอบหายใจถี่อยู่ใต้ร่าง
เซฮุนขยับเรียวขาเล็กอ้าออกอีกนิดก่อนจะย้ำกายลงไปจนผ้าปูเตียงยับย่น
“อ..อะ..ฮะ..”
ดวงตาคู่หวานหรี่ปรือเหมือนจะหลับลงทุกเมื่อ
แต่ความกระสันที่มันแล่นไปทั่วร่างทำให้หลับไม่ลงเสียที
จุนมยอนจิกมือข้างหนึ่งลงกับหมอน พร้อมกับอีกข้างที่ยึดเอวสอบของคนที่ขยับกายได้ไม่รู้จักเหน็ดรู้จักเหนื่อย
“อ..อะ..”
เปลือกตาที่หนักอึ้งปิดลงช้าๆ
แต่เสียงครางแผ่วก็ยังคงดังให้ได้ยินไม่หยุดหย่อน ดูท่าแล้วแม้แต่ในความฝัน
พ่อจิตรกรอย่างโอเซฮุนก็คงจะตามเข้าไปทำให้เขาได้เหนื่อยด้วยอีกแน่นอน
“อืมม..จุนมยอน..” เซฮุนเร่งกายส่งตัวเองให้ไปถึงปลายทาง เพราะคนที่ร่วมเดินทางด้วยกันชิงหลับไปก่อนเสียแล้ว
แรงหอบหายใจจนอกบางสะท้านขึ้นลงถี่รัว ทำให้เซฮุนนึกสงสารคนตัวเล็กไม่น้อย ขยับเอื้อมมือไปซับเหงื่อที่ซึมตามไรผมออกให้
พอถอนกายออกมาได้ก็ขยับเข้าไปกอดแล้วกดจูบที่หน้าผากเล็ก
ก่อนจะดับไฟลงพากันพักเอาแรงก่อนจะเดินทางกลับไปให้จงอินมันด่าถึงบ้านในช่วงสายๆนั่นล่ะ
ว่าแต่ครั้งหน้าไปวาดรูปที่ไหนกันดีล่ะ?
ถ้าอยากได้รูปสวยๆก็ช่วยมากระซิบบอกโอเซฮุนในฝันละกันนะครับ..
อ่านจบแล้วช่วยกลับไปคอมเม้นที่หน้าเด็กดีนะคะ ^^ >>Dek-d<<
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น