หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2556

[SF] Chanyeol x Suho - Definition of love [2/2]




ใบหน้าหวานขึ้นสีแดงจัดเมื่อริมฝีปากของชานยอลกดจูบลงที่หน้าท้องและไล่ลงมาที่กลางลำตัว พยายามที่จะใช้มือดันหัวอีกคนให้ผละออกไป แต่ริมฝีปากที่กดจูบลงมากลับปลุกอารมณ์ของเขาขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย รู้ตัวอีกทีกางเกงขายาวก็หลุดออกจากข้อเท้าไป ทั้งที่รู้สึกกระดากอายแต่ก็ยอมให้ชานยอลช่วยปรนเปรออยู่แบบนั้น ความเป็นตัวของตัวเองถูกดึงออกไปหมด ขาเรียวเล็กพาดอยู่ที่หัวไหล่ของชานยอลกระตุกเกร็งขึ้นเล็กน้อยยามที่ชานยอลช่วยเขาจนได้ปลดปล่อยไปในที่สุด 


จุนมยอนเท้ามือลงกับโต๊ะตัวใหญ่ หอบหายใจเข้าปอดจนตัวโยน และต้องสะดุ้งเมื่อคนที่กดจูบต้นขาด้านในฝังคมเขี้ยวลงไป ชานยอลค่อยๆยันตัวลุกขึ้นช้าๆก่อนจะดันคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ให้ราบไปกับโต๊ะ แล้วริดกระดุมเม็ดเล็กๆออกไปทีละเม็ด


“นี่..มัน. ห้องทำงาน..อ๊ะ!!!


จุนมยอนร้องท้วง แต่คนที่ไม่สนใจจะฟังก็ซุกใบหน้าลงกับซอกคอขาว ขบเม้มและกดจูบลงบนรอยเดิมที่ยังไม่ทันจางไป มือไม้ที่อยู่ไม่สุขของชานยอลลูบไล้ไปตามเรียวขาขาวจงใจให้มันเฉียดกับส่วนกลางลำตัว จนคนที่นอนอยู่ใต้ร่างหลุดเสียงครางออกมา


“อย่าเกลียดกันได้ไหม?”


จู่ๆคำพูดที่ไม่น่าจะดังออกมาจากปากของชานยอลก็ทำให้คนฟังถึงกับนิ่งไป พยายามตั้งสติแล้วใช้ฝ่ามือเล็กๆดึงรั้งใบหน้าของคนที่พูดประโยคดังกล่าวให้มาสบตากัน


“ถ้าบอกว่าไม่ได้ล่ะ?”


จุนมยอนหลับตาลงช้าๆยามที่ริมฝีปากของอีกคนบดจูบลงมา ไม่สามารถโกหกตัวเองได้ว่าทุกครั้งที่เจอชานยอลหัวใจมันจะเต้นแรงเสมอ แต่เพราะความผิดหวังในตัวคนรักในครั้งนั้นทำให้ต้องสร้างเกราะป้องกัน พยายามเฉยเมย พยายามต่อต้าน แต่ไม่เข้าใจว่าทั้งที่เขาพยายามหนีไปให้ไกลแล้วแท้ๆแต่ชานยอลก็มักจะตามเขาทันอยู่เสมอ


“ไม่เป็นไร..”


เสียงแผ่วเบาทำเอาคนฟังรู้สึกใจหาย จุนมยอนถอนหายใจออกมาเบาๆก่อนจะค่อยๆดันตัวเองขึ้นนั่งช้าๆ มือเล็กรั้งเสื้อเชิ้ตที่สาบเสื้อมันแยกออกจากกันให้หล่นไปกองที่หัวไหล่ ค่อยๆว่างมือลงบนอกคนที่เอาแต่จับจ้องมาที่ใบหน้าเขา ก่อนจะปลดกระดุมเชิ้ตของอีกคนช้าๆ


“จุนมยอน?!!


ชานยอลรวบมือเล็กๆที่ปลดกระดุมเสื้อตนเองเอาไว้ แล้วมองหน้าอีกคนอย่างแปลกใจ ก็ในเมื่อบอกว่าเกลียดกันแทบตายแล้วจุนมยอนจะทำแบบนี้ทำไม 


“ปล่อย!


จุนมยอนสะบัดมือออกจากการเกาะกุม แล้วถอดสูทตัวนอกของชานยอลออกช้าๆ ฝ่ามือเล็กที่เย็นเฉียบเอื้อมมากุมมือหนาเอาไว้ แล้วบรรจงวางมันลงบั้นเอวของตน ก่อนที่ตนเองจะเป็นฝ่ายขยับเข้าไปนั่งซ้อนตักแล้วโอบรอบคอคนตัวสูงไว้


“ทำไมยังงมงายกับความรักอยู่แบบนี้..”


จุนมยอนกระซิบถามเสียงแผ่วก่อนจะกดปลายจมูกลงแนบแก้มของคนตัวสูง ชานยอลลากมือที่วางอยู่บนผิวเนียนละเอียดนุ่มลื่นมือตรงเอวโอวกอดอีกคนให้เข้ามาแนบชิด 


“ฉันเลิกเชื่อมันแล้ว..แต่แค่ฉันยังไม่เลิกรักนาย..ก็เท่านั้น”


จูบยืนยันแทนคำพูดทำให้จุนมยอนได้แต่กระชับอ้อมแขนโอบรอบคอไว้แน่น เรียวขาขาวขยับคร่อมนั่งอยู่บนตักของชานยอล ความปรารถนาที่แสดงออกมาอย่างชัดเจนจากสิ่งที่ดุนดันบั้นท้ายกลมกลึงที่ไร้อาภรณ์ใดๆปกปิดทำให้จุนมยอนนึกขำอีกคน แต่ก็ทำเพียงยกยิ้มบางๆ


“แล้วจะทำยังไงต่อไปล่ะ? ถ้าฉันยังคงเกลียดนาย”


ชานยอลทอดสายตามองใบหน้าหวานของคนถาม พร้อมกับหลุดยิ้มออกมาเมื่อริมฝีปากแดงช้ำงับกลีบปากล่างเขาอย่างจงใจแกล้ง คนตัวเล็กมีสีหน้าตื่นตกใจเล็กน้อยเมื่อถูกยกตัวขึ้น มือหนาปลดกางเกงของตนเองให้มันหลุดจากสะโพกไปอย่างไม่ใส่ใจก่อนถูไถส่วนที่ตื่นตัวเต็มที่เพราะคนช่างยั่วไปกับช่างทางเบื้องหลัง


“ไม่รู้สิ..แต่ฉันบอกกับตัวเองเสมอไม่ว่ารักมันคืออะไร..แต่คิมจุนมยอนจะต้องเป็นแค่ของปาร์คชานยอลเท่านั้น..”


คนที่อยู่บนตักสะดุ้งเฮือกเมื่อส่วนที่แข็งขืนสอดเข้ามาโดยไม่เตรียมความพร้อมให้เขาก่อน เสียงหัวเราะในลำคอของคนตัวสูงที่เห็นใบหน้าที่เหยเกของเขา ทำให้จุนมยอนงับลงกับใบหูของอีกคนเต็มแรง แต่ก็ต้องร้องครางออกมาเมื่อลิ้นร้อนหยอกอินกับจุดไวสัมผัสที่แผ่นอกบาง


“แบบนั้นคนเห็นแก่ตัวเค้าทำกัน..อ๊า!!!


จุนมยอนพยายามที่จะดันตัวเองหนีแท่งเนื้อร้อนที่ดึงดันกดลึกเข้ามาในร่างกาย แต่กลับถูกอ้อมแขนแข็งแรงรัดแน่นเสียจนขยับไปไหนไม่ได้ หนำซ้ำพอยิ่งจะขยับหนี ลิ้นร้อนๆก็ยิ่งตวัดถี่รัวจนเขาแทบจะกรีดร้องออกมาอย่างบ้าคลั่ง


“ถ้าทำแล้วมันได้จุนมยอนมา ฉันก็จะทำ!


มือหนาโน้มใบหน้าของจุนมยอนให้ลงมาก่อนจะพรมจูบทั้งข้างแก้มและกกหู สลับกับบดจูบและขบเม้ม คนผินหน้าหลบสุดท้ายก็ยอมแพ้ปล่อยให้ชานยอลได้ทำจนกว่าจะพอใจ


“ขยับหน่อยสิ..ฉันไม่ไหวแล้ว”


ชานยอลบอกคนบนตักเสียงแหบพร่า แต่เมื่ออีกคนยังคงนั่งจ้องหน้ากันโดยไม่ทำอะไร เขาก็เป็นฝ่ายเริ่มด้วยการถอนสิ่งที่ฝังในร่างกายอีกคนออกก่อนจะกดเข้าไปอีกครั้งลึกจนจุนมยอนครางไม่เป็นภาษา


“พ..พอ..อ..อ๊ะ..ยอมแล้ว”


คนบนตักค่อยๆยืดกายขึ้นช้าๆก่อนจะกดตัวเองลง รับกับคนที่นั่งอยู่เบื้องล่างสวนกายกระแทกเข้าหา เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังลั่นห้องทำงานใหญ่ และเพราะมันเป็นห้องเก็บเสียงจึงไม่ต้องสนใจหรือกังวลว่าคนภายนอกจะได้ยินหรือไม่ เสียงครางต่ำสลับกับกรีดร้องออกมาของคนสองคนที่กำลังสุขสมดังก้องอยู่ภายในห้อง


“ชานยอล..พ..พอแล้ว..อื้อ!


บทรักครั้งแล้วครั้งเล่าดำเนินอยู่ภายในห้องทำงานแห่งนี้ ผ่านไปจนความมืดเริ่มปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า แต่คนสองคนที่ยังคงทำกิจกรรมเรียกเหงื่อกันอยู่ก็ไม่ได้ผละออกจากกันเลยนับตั้งแต่ช่วงเย็นนั้น ร่างขาวถูกจับให้นั่งซ้อนอยู่บนตัก พร้อมกับที่ชานยอลพรมจูบไปทั่วแผ่นหลังบางที่มีแต่รอยสีกุหลาบที่เขาเป็นคนตีตราเอาไว้ ส่วนล่างก็ยังคงขยับเข้าออกเชื่อมโยงกัน ฝ่ามือใหญ่ก็ช่วยกอบกุมแท่งเนื้อร้อนของคนตัวเล็กช่วยปลดปล่อยให้อีกคนเช่นกัน


“ช..ชาน..อื้อ..ยอล..ฉัน..เหนื่อย..”


ใบหน้าหวานเอนมาซบแผ่นอกของเจ้าของชื่อ ก่อนจะถูกริดลมหายใจด้วยจูบที่ไม่ว่าเท่าไหร่ก็ดูจะไม่พอสำหรับอีกคนเสียที เรียวแขนเล็กข้างหนึ่งถูกมือหนารั้งให้โอบรอบคอไว้ ทันทีที่ผละออกจากริมฝีปากแดงๆ ชานยอลก็ดูดเม้มยอดอกทั้งสองข้างของคนตัวเล็กในขณะที่ยังส่งกายขยับรับกับคนตัวเล็กอยู่



นิยามความรักมันไม่ตายตัวขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคน

แต่สำหรับนิยามความรักของปาร์คชานยอล..คงใช้คำว่ารักไม่ใช่การครอบครองไม่ได้

เพราะนิยามความรักของปาร์คชานยอลคนนี้มันคือถ้อยคำสั้นๆที่ตอบโจทย์ทุกสิ่งทุกอย่าง...อย่างคำที่ว่า



คิมจุนมยอน...





แถมๆ ฮี่ๆๆ >(+++)<


                ภายในรถที่มีความเย็นจากเครื่องปรับอากาศเย็นเฉียบ ไม่ได้ช่วยให้คนสองคนที่เหงื่อโทรมกายรู้สึกเย็นขึ้นแม้แต่นิด จุนมยอนผลักอีกคนที่ย้ายจากที่นั่งคนขับมานั่งอยู่ที่ด้านข้างคนขับและกำลังจับร่างของเขากระแทกขึ้นลงอยู่นับครั้งไม่ถ้วน แม้เสียงโทรศัพท์จากเลขาส่วนตัวที่โทรเข้ามาครั้งแล้วครั้งเล่าดังติดๆกันเขาก็ไม่สามารถที่จะรับได้


                “พอแล้ว..ชานยอล..อ๊ะ..”


จุนมยอนร้องปรามคนที่เป็นทั้งอดีตคนรักและคนรักในปัจจุบัน ไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้ายที่ดันต้องมาสัมมนาที่ต่างจากหวัดสามวัน แล้วก็ดันเป็นชานยอลที่อาสาขับรถมาให้เพราะยังไงเสียก็เป็นงานที่ต้องรับผิดชอบร่วมกัน แม้จะทำใจเอาไว้แล้วว่าคงต้องถูกลวนลาม แต่คิดไม่ถึงจริงๆว่าหมอนี่จะไม่รู้จักอดทนขนาดที่ว่าต้องมาจอดรถแล้วทำเรื่องน่าอายกันแบบนี้


“นี่คนอื่นเขา...ไปถึง..กัน..แล้วมั้ง”


ใบหน้าหวานส่ายหน้าพรืดเมื่ออีกคนปลดปล่อยมาในตัวเขาอีกครั้งแล้ว แต่ก็ยังไม่ยอมถอนกายออกไป ชานยอลมองเรือนร่างขาวกระจ่างที่มีเหงื่อพราวแล้วก็ยิ้มอย่างพึงพอใจก่อนจะงับฟันซี่คมๆลงกับหน้าท้องคนตัวเล็ก โดยให้เหตุผลว่าหมั่นเขี้ยว และไม่ทันไรสิ่งที่ฝังอยู่ในกายเขาก็ตื่นตัวอีกครั้ง


“ไม่เป็นไรหรอก ยังไงประชุมก็พรุ่งนี้ ค่อยๆขับไปก็ถึง”


จุนมยอนถอนหายใจอย่างหน่ายๆกับเหตุผลของคนเอาแต่ใจ สุดท้ายก็ต้องรับบทหนักไปอีกสองสามยกใหญ่ จนกระทั่งแทบจะสลบคาอก พ่อตัวดีถึงปล่อยให้เขาได้นั่งปกติบ้าง คนตัวสูงหูกางย้ายตัวกลับไปนั่งที่ตำแหน่งคนขับเหมือนเดิมก่อนจะโน้มตัวมาหอมแก้มเขาอีกครั้งพร้อมกับออกรถเพื่อมุ่งตรงไปยังที่โรงแรมที่เป็นที่นัดหมาย และสัมมนาในครั้งนี้ 


“ที่ต้องทำโทษระหว่างทางก็เพราะไอ้คุณจงอิน ลูกค้านั่นที่เราจะไปคุยงานด้วยมันมองคุณจุนมยอนของผมด้วยสายตาไม่น่าไว้ใจตั้งแต่เจอกันครั้งก่อนแล้วต่างหาก..”


จุนมยอนหัวเราะขึ้นจมูก ก่อนจะกอดเสื้อสูทตัวใหญ่ของชานยอลห่มตัวเองไว้แน่น แล้วเบ้ปากทำท่าไม่อยากจะฟังจนคนมองอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้


“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับที่ต้องทำกันแบบนี้ด้วยเล่า!





กลับไปเม้นที่เด็กดีด้วยนะจ๊ะ >>>กด<<< 



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น