ใบหน้าหวานขึ้นสีแดงจัดเมื่อริมฝีปากของชานยอลกดจูบลงที่หน้าท้องและไล่ลงมาที่กลางลำตัว
พยายามที่จะใช้มือดันหัวอีกคนให้ผละออกไป แต่ริมฝีปากที่กดจูบลงมากลับปลุกอารมณ์ของเขาขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย
รู้ตัวอีกทีกางเกงขายาวก็หลุดออกจากข้อเท้าไป ทั้งที่รู้สึกกระดากอายแต่ก็ยอมให้ชานยอลช่วยปรนเปรออยู่แบบนั้น
ความเป็นตัวของตัวเองถูกดึงออกไปหมด ขาเรียวเล็กพาดอยู่ที่หัวไหล่ของชานยอลกระตุกเกร็งขึ้นเล็กน้อยยามที่ชานยอลช่วยเขาจนได้ปลดปล่อยไปในที่สุด
จุนมยอนเท้ามือลงกับโต๊ะตัวใหญ่
หอบหายใจเข้าปอดจนตัวโยน และต้องสะดุ้งเมื่อคนที่กดจูบต้นขาด้านในฝังคมเขี้ยวลงไป
ชานยอลค่อยๆยันตัวลุกขึ้นช้าๆก่อนจะดันคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ให้ราบไปกับโต๊ะ
แล้วริดกระดุมเม็ดเล็กๆออกไปทีละเม็ด
“นี่..มัน. ห้องทำงาน..อ๊ะ!!!”
จุนมยอนร้องท้วง แต่คนที่ไม่สนใจจะฟังก็ซุกใบหน้าลงกับซอกคอขาว
ขบเม้มและกดจูบลงบนรอยเดิมที่ยังไม่ทันจางไป มือไม้ที่อยู่ไม่สุขของชานยอลลูบไล้ไปตามเรียวขาขาวจงใจให้มันเฉียดกับส่วนกลางลำตัว
จนคนที่นอนอยู่ใต้ร่างหลุดเสียงครางออกมา
“อย่าเกลียดกันได้ไหม?”
จู่ๆคำพูดที่ไม่น่าจะดังออกมาจากปากของชานยอลก็ทำให้คนฟังถึงกับนิ่งไป
พยายามตั้งสติแล้วใช้ฝ่ามือเล็กๆดึงรั้งใบหน้าของคนที่พูดประโยคดังกล่าวให้มาสบตากัน
“ถ้าบอกว่าไม่ได้ล่ะ?”
จุนมยอนหลับตาลงช้าๆยามที่ริมฝีปากของอีกคนบดจูบลงมา
ไม่สามารถโกหกตัวเองได้ว่าทุกครั้งที่เจอชานยอลหัวใจมันจะเต้นแรงเสมอ แต่เพราะความผิดหวังในตัวคนรักในครั้งนั้นทำให้ต้องสร้างเกราะป้องกัน
พยายามเฉยเมย พยายามต่อต้าน
แต่ไม่เข้าใจว่าทั้งที่เขาพยายามหนีไปให้ไกลแล้วแท้ๆแต่ชานยอลก็มักจะตามเขาทันอยู่เสมอ
“ไม่เป็นไร..”
เสียงแผ่วเบาทำเอาคนฟังรู้สึกใจหาย จุนมยอนถอนหายใจออกมาเบาๆก่อนจะค่อยๆดันตัวเองขึ้นนั่งช้าๆ
มือเล็กรั้งเสื้อเชิ้ตที่สาบเสื้อมันแยกออกจากกันให้หล่นไปกองที่หัวไหล่
ค่อยๆว่างมือลงบนอกคนที่เอาแต่จับจ้องมาที่ใบหน้าเขา
ก่อนจะปลดกระดุมเชิ้ตของอีกคนช้าๆ
“จุนมยอน?!!”
ชานยอลรวบมือเล็กๆที่ปลดกระดุมเสื้อตนเองเอาไว้
แล้วมองหน้าอีกคนอย่างแปลกใจ
ก็ในเมื่อบอกว่าเกลียดกันแทบตายแล้วจุนมยอนจะทำแบบนี้ทำไม
“ปล่อย!”
จุนมยอนสะบัดมือออกจากการเกาะกุม แล้วถอดสูทตัวนอกของชานยอลออกช้าๆ
ฝ่ามือเล็กที่เย็นเฉียบเอื้อมมากุมมือหนาเอาไว้ แล้วบรรจงวางมันลงบั้นเอวของตน
ก่อนที่ตนเองจะเป็นฝ่ายขยับเข้าไปนั่งซ้อนตักแล้วโอบรอบคอคนตัวสูงไว้
“ทำไมยังงมงายกับความรักอยู่แบบนี้..”
จุนมยอนกระซิบถามเสียงแผ่วก่อนจะกดปลายจมูกลงแนบแก้มของคนตัวสูง
ชานยอลลากมือที่วางอยู่บนผิวเนียนละเอียดนุ่มลื่นมือตรงเอวโอวกอดอีกคนให้เข้ามาแนบชิด
“ฉันเลิกเชื่อมันแล้ว..แต่แค่ฉันยังไม่เลิกรักนาย..ก็เท่านั้น”
จูบยืนยันแทนคำพูดทำให้จุนมยอนได้แต่กระชับอ้อมแขนโอบรอบคอไว้แน่น
เรียวขาขาวขยับคร่อมนั่งอยู่บนตักของชานยอล
ความปรารถนาที่แสดงออกมาอย่างชัดเจนจากสิ่งที่ดุนดันบั้นท้ายกลมกลึงที่ไร้อาภรณ์ใดๆปกปิดทำให้จุนมยอนนึกขำอีกคน
แต่ก็ทำเพียงยกยิ้มบางๆ
“แล้วจะทำยังไงต่อไปล่ะ? ถ้าฉันยังคงเกลียดนาย”
ชานยอลทอดสายตามองใบหน้าหวานของคนถาม
พร้อมกับหลุดยิ้มออกมาเมื่อริมฝีปากแดงช้ำงับกลีบปากล่างเขาอย่างจงใจแกล้ง
คนตัวเล็กมีสีหน้าตื่นตกใจเล็กน้อยเมื่อถูกยกตัวขึ้น มือหนาปลดกางเกงของตนเองให้มันหลุดจากสะโพกไปอย่างไม่ใส่ใจก่อนถูไถส่วนที่ตื่นตัวเต็มที่เพราะคนช่างยั่วไปกับช่างทางเบื้องหลัง
“ไม่รู้สิ..แต่ฉันบอกกับตัวเองเสมอไม่ว่ารักมันคืออะไร..แต่คิมจุนมยอนจะต้องเป็นแค่ของปาร์คชานยอลเท่านั้น..”
คนที่อยู่บนตักสะดุ้งเฮือกเมื่อส่วนที่แข็งขืนสอดเข้ามาโดยไม่เตรียมความพร้อมให้เขาก่อน
เสียงหัวเราะในลำคอของคนตัวสูงที่เห็นใบหน้าที่เหยเกของเขา
ทำให้จุนมยอนงับลงกับใบหูของอีกคนเต็มแรง แต่ก็ต้องร้องครางออกมาเมื่อลิ้นร้อนหยอกอินกับจุดไวสัมผัสที่แผ่นอกบาง
“แบบนั้นคนเห็นแก่ตัวเค้าทำกัน..อ๊า!!!”
จุนมยอนพยายามที่จะดันตัวเองหนีแท่งเนื้อร้อนที่ดึงดันกดลึกเข้ามาในร่างกาย
แต่กลับถูกอ้อมแขนแข็งแรงรัดแน่นเสียจนขยับไปไหนไม่ได้ หนำซ้ำพอยิ่งจะขยับหนี
ลิ้นร้อนๆก็ยิ่งตวัดถี่รัวจนเขาแทบจะกรีดร้องออกมาอย่างบ้าคลั่ง
“ถ้าทำแล้วมันได้จุนมยอนมา ฉันก็จะทำ!”
มือหนาโน้มใบหน้าของจุนมยอนให้ลงมาก่อนจะพรมจูบทั้งข้างแก้มและกกหู
สลับกับบดจูบและขบเม้ม
คนผินหน้าหลบสุดท้ายก็ยอมแพ้ปล่อยให้ชานยอลได้ทำจนกว่าจะพอใจ
“ขยับหน่อยสิ..ฉันไม่ไหวแล้ว”
ชานยอลบอกคนบนตักเสียงแหบพร่า
แต่เมื่ออีกคนยังคงนั่งจ้องหน้ากันโดยไม่ทำอะไร
เขาก็เป็นฝ่ายเริ่มด้วยการถอนสิ่งที่ฝังในร่างกายอีกคนออกก่อนจะกดเข้าไปอีกครั้งลึกจนจุนมยอนครางไม่เป็นภาษา
“พ..พอ..อ..อ๊ะ..ยอมแล้ว”
คนบนตักค่อยๆยืดกายขึ้นช้าๆก่อนจะกดตัวเองลง
รับกับคนที่นั่งอยู่เบื้องล่างสวนกายกระแทกเข้าหา เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังลั่นห้องทำงานใหญ่
และเพราะมันเป็นห้องเก็บเสียงจึงไม่ต้องสนใจหรือกังวลว่าคนภายนอกจะได้ยินหรือไม่
เสียงครางต่ำสลับกับกรีดร้องออกมาของคนสองคนที่กำลังสุขสมดังก้องอยู่ภายในห้อง
“ชานยอล..พ..พอแล้ว..อื้อ!”
บทรักครั้งแล้วครั้งเล่าดำเนินอยู่ภายในห้องทำงานแห่งนี้
ผ่านไปจนความมืดเริ่มปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า
แต่คนสองคนที่ยังคงทำกิจกรรมเรียกเหงื่อกันอยู่ก็ไม่ได้ผละออกจากกันเลยนับตั้งแต่ช่วงเย็นนั้น
ร่างขาวถูกจับให้นั่งซ้อนอยู่บนตัก พร้อมกับที่ชานยอลพรมจูบไปทั่วแผ่นหลังบางที่มีแต่รอยสีกุหลาบที่เขาเป็นคนตีตราเอาไว้
ส่วนล่างก็ยังคงขยับเข้าออกเชื่อมโยงกัน
ฝ่ามือใหญ่ก็ช่วยกอบกุมแท่งเนื้อร้อนของคนตัวเล็กช่วยปลดปล่อยให้อีกคนเช่นกัน
“ช..ชาน..อื้อ..ยอล..ฉัน..เหนื่อย..”
ใบหน้าหวานเอนมาซบแผ่นอกของเจ้าของชื่อ ก่อนจะถูกริดลมหายใจด้วยจูบที่ไม่ว่าเท่าไหร่ก็ดูจะไม่พอสำหรับอีกคนเสียที
เรียวแขนเล็กข้างหนึ่งถูกมือหนารั้งให้โอบรอบคอไว้ ทันทีที่ผละออกจากริมฝีปากแดงๆ
ชานยอลก็ดูดเม้มยอดอกทั้งสองข้างของคนตัวเล็กในขณะที่ยังส่งกายขยับรับกับคนตัวเล็กอยู่
นิยามความรักมันไม่ตายตัวขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคน
แต่สำหรับนิยามความรักของปาร์คชานยอล..คงใช้คำว่ารักไม่ใช่การครอบครองไม่ได้
เพราะนิยามความรักของปาร์คชานยอลคนนี้มันคือถ้อยคำสั้นๆที่ตอบโจทย์ทุกสิ่งทุกอย่าง...อย่างคำที่ว่า
คิมจุนมยอน...
แถมๆ ฮี่ๆๆ >(+++)<
ภายในรถที่มีความเย็นจากเครื่องปรับอากาศเย็นเฉียบ
ไม่ได้ช่วยให้คนสองคนที่เหงื่อโทรมกายรู้สึกเย็นขึ้นแม้แต่นิด จุนมยอนผลักอีกคนที่ย้ายจากที่นั่งคนขับมานั่งอยู่ที่ด้านข้างคนขับและกำลังจับร่างของเขากระแทกขึ้นลงอยู่นับครั้งไม่ถ้วน
แม้เสียงโทรศัพท์จากเลขาส่วนตัวที่โทรเข้ามาครั้งแล้วครั้งเล่าดังติดๆกันเขาก็ไม่สามารถที่จะรับได้
“พอแล้ว..ชานยอล..อ๊ะ..”
จุนมยอนร้องปรามคนที่เป็นทั้งอดีตคนรักและคนรักในปัจจุบัน
ไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้ายที่ดันต้องมาสัมมนาที่ต่างจากหวัดสามวัน
แล้วก็ดันเป็นชานยอลที่อาสาขับรถมาให้เพราะยังไงเสียก็เป็นงานที่ต้องรับผิดชอบร่วมกัน
แม้จะทำใจเอาไว้แล้วว่าคงต้องถูกลวนลาม
แต่คิดไม่ถึงจริงๆว่าหมอนี่จะไม่รู้จักอดทนขนาดที่ว่าต้องมาจอดรถแล้วทำเรื่องน่าอายกันแบบนี้
“นี่คนอื่นเขา...ไปถึง..กัน..แล้วมั้ง”
ใบหน้าหวานส่ายหน้าพรืดเมื่ออีกคนปลดปล่อยมาในตัวเขาอีกครั้งแล้ว
แต่ก็ยังไม่ยอมถอนกายออกไป
ชานยอลมองเรือนร่างขาวกระจ่างที่มีเหงื่อพราวแล้วก็ยิ้มอย่างพึงพอใจก่อนจะงับฟันซี่คมๆลงกับหน้าท้องคนตัวเล็ก
โดยให้เหตุผลว่าหมั่นเขี้ยว และไม่ทันไรสิ่งที่ฝังอยู่ในกายเขาก็ตื่นตัวอีกครั้ง
“ไม่เป็นไรหรอก ยังไงประชุมก็พรุ่งนี้
ค่อยๆขับไปก็ถึง”
จุนมยอนถอนหายใจอย่างหน่ายๆกับเหตุผลของคนเอาแต่ใจ
สุดท้ายก็ต้องรับบทหนักไปอีกสองสามยกใหญ่ จนกระทั่งแทบจะสลบคาอก
พ่อตัวดีถึงปล่อยให้เขาได้นั่งปกติบ้าง คนตัวสูงหูกางย้ายตัวกลับไปนั่งที่ตำแหน่งคนขับเหมือนเดิมก่อนจะโน้มตัวมาหอมแก้มเขาอีกครั้งพร้อมกับออกรถเพื่อมุ่งตรงไปยังที่โรงแรมที่เป็นที่นัดหมาย
และสัมมนาในครั้งนี้
“ที่ต้องทำโทษระหว่างทางก็เพราะไอ้คุณจงอิน
ลูกค้านั่นที่เราจะไปคุยงานด้วยมันมองคุณจุนมยอนของผมด้วยสายตาไม่น่าไว้ใจตั้งแต่เจอกันครั้งก่อนแล้วต่างหาก..”
จุนมยอนหัวเราะขึ้นจมูก
ก่อนจะกอดเสื้อสูทตัวใหญ่ของชานยอลห่มตัวเองไว้แน่น
แล้วเบ้ปากทำท่าไม่อยากจะฟังจนคนมองอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับที่ต้องทำกันแบบนี้ด้วยเล่า!”
กลับไปเม้นที่เด็กดีด้วยนะจ๊ะ >>>กด<<<
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น