ล่วงเข้าคืนสุดท้ายของการมาทำงานและพักผ่อนที่ญี่ปุ่นทริปนี้แล้ว
จุนมยอนอยากจะโวยวายแล้วทำร้ายร่างกายผู้ช่วยคนสำคัญที่คุณลุงจัดให้มาคู่กันกับเขาเสียเหลือเกิน
ที่พาเอาวันพักผ่อนและช็อปปิ้งที่ควรจะเป็นไปมลายหายไปเสียหมด เมื่อแต่ละวันๆ
แต่ละชั่วโมงที่ดำเนินไป ร่างกายแทบจะไม่ได้ห่างกันเลย
ถ้าไม่หลับหรือเหนื่อยมากๆก็ยังต้องรับบทหนักกับการรักกันอะไรบ้าบอที่ชานยอลสรรหาคำมาเรียก
คิดแล้วมันก็หงุดหงิด
แล้วยิ่งทริปเมื่อวานที่ออกไปนั่งรับลมบนเรือก็ทำเอาเขาแทบหมดแรงตาย
หลอกให้ดีใจในตอนแรก สุดท้ายถ้าพระอาทิตย์ไม่ตกดิน
หมอนั่นก็คงไม่ยอมติดเครื่องแล้วพาขึ้นฝั่งหรอก ไม่รู้ว่าไปตายอดตายอยากมาจากไหน
ในเมื่อเขาก็สนองให้ทุกวัน แทบจะวันละหลายๆรอบเลยด้วยซ้ำ
นี่กะว่าจะประชดขังหมอนั่นไว้ในห้องให้ไม่ต้องทำไปเลยสักเดือนสองเดือนดูสิว่าจะลงแดงตายไหม
ถ้าตายคิมจุนมยอนคนนี้จะเอาไปฝังให้!
“จุนมยอน”
เสียงทุ้มของคนที่เดินไล่ตามหลังมาไม่ได้ทำให้จุนนมยอนยอมหยุดเดินแล้วหันกลับไปคุย
กลับกันคนตัวเล็กเลือกที่จะก้าวเดินต่อไป
ยังไงภายในคืนนี้จนถึงวันพรุ่งนี้ที่ต้องกลับเกาหลี
ชานยอลไม่มีทางได้แตะเขาแม้แต่ปลายเล็บหรอก
และก็เหมือนว่าโชคจะเข้าข้างเมื่อระหว่างที่กำลังเดินหนีชานยอลอย่างเอาเป็นเอาตาย
บรรดาเลขา และพนักงานที่เป็นคนของบริษัทตนเปิดประตูห้องออกมา เสียงคุยกัน
และหัวเราะเฮฮาดังลั่นทันทีที่ประตูถูกเปิดออก
“อ้าว
คุณจุนมยอน”
เจ้านายตัวเล็กหยุดชะงักแล้วชะโงกหน้าเข้าไปมองภายในห้อง
เห็นเหล่าพนักงานเกือบสิบชีวิตที่นั่งเรียงราย
พร้อมกับขวดเครื่องดื่มแอลกอฮล์นับสิบ ที่วางเกลื่อนอยู่
“สนใจมาดื่มด้วยกันมั้ยครับ?”
ชั่วขณะที่กำลังชั่งใจว่าควรก้าวเข้าไปหรือเดินหนีชานยอลต่อไป
แต่แล้วคนตัวเล็กกลับเลือกหนทางแรก ก้าวเข้าไปร่วมวงกับบรรดาลูกน้อง
แล้วเหวี่ยงค้อนให้กับอีกคนที่เพิ่งวิ่งตามเข้ามา เมื่ออยู่ต่อหน้าพนักงานนับสิบ
มันเหมือนกับหลุมหลบภัยชั้นดีให้กับเขา จุนมยอนสามารถที่นั่งไตร่ถามและพูดคุยเรื่องทั่วไปกับคนใต้บังคับบัญชาได้อย่างสบายใจโดยที่ชานยอลทำได้เพียงแค่มองอยู่เงียบๆเท่านั้น
“บอกตามตรงนะครับคุณจุนมยอน
ผมคิดว่างานนี้มันจะล่มแล้วซะอีก”
“นั่นสิครับ เพราะใครๆเขาก็รู้กันว่าคุณชานยอลกับคุณจุนมยอนน่ะไม่กินเส้นกันจะตาย
แต่งานที่ผ่านไปได้ด้วยดีนี่ทำให้ผมเข้าใจแล้ว
ว่าข่าวลือนั่นมันก็เป็นเรื่องที่คนเขาพูดไปเรื่อย..นึกสนุกปากแค่นั้น”
ชายคนหนึ่งในวงสนทนาพูดขึ้น
ก่อนอีกหลายคนจะร่วมแสดงความคิดเห็นและผสมโรงไปด้วยเสียงหัวเราะ
พร้อมกับขวดเหล้าขวดเบียร์ที่ถูกเปิดอีกนับไม่ถ้วน
อันที่จริงทุกๆคนจะคิดแบบนั้นก็ไม่ผิดเพราะต่อหน้าทุกคน
พฤติกรรมที่แสดงออกไปมันชวนให้คิดแบบนั้นจริงๆ และก็ไม่ถือโทษโกรธคนพูดด้วย
เพราะในเวลาแบบนี้ไม่ใช่เวลางานที่จะมานั่งใส่สูทแล้วพูดยกยอกันให้มันอึดอัด
จุนมยอนทำเพียงแค่ส่งยิ้มบางๆแล้วรับแก้วเหล้าที่ถูกส่งมาให้
นั่งหัวเราะประสานไปกับทุกคน
โดยมีสายตาของคนที่นั่งหน้านิ่งอยู่ตรงข้ามคอยลอบมองอยู่ตลอดเวลา
“ปั๊ก”
เท้าเล็กเตะขายาวๆของคนที่นั่งตีหน้ายักษ์ไปเต็มแรง
ก่อนจะใช้ปลายเท้าวางทับลงไปบนหลังเท้าอีกคน
จุดยิ้มบางๆที่มุมปากพร้อมกับใช้ฝ่าเท้าไล้เบาๆ ที่ทำแบบนั้นไปไม่ได้อยากจะยั่วหรือนึกพิศวาสอะไรขึ้นมาหรอก
ก็แค่สะใจเวลาที่ยั่วไปแล้ว คนถูกยั่วทำได้แค่เพียงแค่เพียงนั่งจ้องหน้านิ่งๆ
เสียงหัวเราะและพูดคุยเงียบลงเมื่อแต่ละคนก็นอนกองระเนระนาด
เพราะเล่นซัดกันเข้าไปแบบไม่บันยะบันยัง บ้างก็นอนกอดก่ายกัน บ้างก็นอนกอดขวดเหล้า
แต่คนที่กินไปแค่เพียงไม่กี่แก้วอย่างเขา
กับปาร์คชานยอลที่เรียกได้ว่าแทบไม่ได้แตะเลยถูกทิ้งให้นั่งจ้องหน้ากันอยู่แบบนั้น
บางทีจุนมยอนก็คิดว่าสถานการณ์ตอนนี้เริ่มไม่ค่อยน่าไว้วางใจเท่าไหร่
แต่คนมากมายที่อยู่ภายในห้องน่าจะทำให้ชานยอลไม่กล้าทำอะไรน่าเกลียดๆหรอก
คนที่นั่งฟังตรงข้ามลุกพรวดก่อนจะเดินหนีเข้าครัวไปราวกับไม่สนใจกัน
ซึ่งนั่นก็ถือว่าดีสำหรับเขาแล้ว
อย่างน้อยคืนนี้ชีวิตของเขาคงจะสงบและได้พักผ่อนอย่างสบายใจ
ไม่มีอะไรมารบกวนเสียที
“น้ำเปล่าหน่อยไหม?
เมารึเปล่าเนี่ย?”
แก้วน้ำเปล่าถูกยื่นมาให้ตรงหน้า
พร้อมกับคนที่เขานึกสาปแช่งในใจก่อนหน้านี้นั่งลงข้างๆ
จุนมยอนเหลือบมองหน้าคนที่ส่งแก้วให้ก่อนจะคว้าแก้วน้ำเปล่ามาแล้วดื่มรวดเดียวจนหมด
แล้ววางแก้วลงบนโต๊ะ แกล้งขยับเข้าไปใกล้ๆคนที่ยังคงนั่งนิ่งเก๊กไม่เลิก
“ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ”
นิ้วเรียวเกลี่ยบนอกเสื้อของอีกคน
ก่อนจะขยับกายเข้าหา
แกล้งกดปลายจมูกลงข้างแก้มพร้อมกับกลั้นหัวเราะแทบตายเมื่อคนที่นั่งนิ่งเริ่มมีปฏิกิริยาตอบรับ
จุนมยอนมองมือที่วางอยู่ตรงต้นขาตนเองก่อนจะส่งมือไปลูบหลังมือนั้นเบาๆ
“ไม่ได้หรอกนะ..คืนนี้อด”
ราวกับถูกผลักให้ตกจากที่สูง
เมื่อความหวังที่จุนมยอนให้มามันพังลงไปตรงหน้า
ที่แท้ก็แค่จะแกล้งกันอย่างนั้นน่ะหรอ
แต่ถ้ายอมง่ายๆเห็นทีก็คงจะไม่ใช่ปาร์คชานยอลแล้วล่ะ
“อดอะไรหรอ?”
ปั้นหน้าแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจในคำพูดนั้น
พร้อมกับบีบเค้นต้นขาภายใต้กางเกงผ้าที่อีกคนสวมใส่อยู่อย่างหนักหน่วง
จนเรียวขาเล็กพยายามขยับหนี
ชานยอลตวัดสายตามองรอบๆห้องเมื่อเห็นว่าทุกคนพากันหลับสนิทก็ลอบยิ้มแล้วรีบเอื้อมมือไปสอดเข้าไปภายใต้กางเกงอย่างรวดเร็ว
“หยุดนะ!!”
นิ้วชี้แตะที่ริมฝีปากแผ่วเบา
เป็นเชิงบอกให้รู้ว่าอย่าเสียงดัง ในขณะที่มืออีกข้างลงน้ำหนักพยายามปลุกปั้นส่วนที่ยังสงบอยู่ให้ดันขึ้นช้าๆ
จุนมยอนแทบอยากจะคว้าขวดเหล้าที่อยู่ใกล้มือที่สุดฟาดหัวชานยอลไปสักสองที
ดูสิว่าความหื่นจะน้อยลงบ้างไหม
“นายยั่วก่อนเองนะ”
ชานยอลมองคนที่กัดริมฝีปากตัวเองแน่นแล้วมองหน้าเขากลับมาอย่างอาฆาตก็ได้แต่หลุดหัวเราะออกมาเบาๆ
แล้วรูดเร้าแท่งเนื้อร้อนให้โผล่พ้นกางเกงออกมา
จุนมยอนพยายามตะปบขอบกางเกงเอาไว้เมื่อชานยอลพยายามถอดมันออก
ใบหน้าหวานชักสีหน้าไม่พอใจจนอีกฝ่ายยอมละความพยายามออกไป
แต่อุ้งมือใหญ่ที่ยังกอบกุมความเป็นชายของเขายังคงเร่งจังหวะมากขึ้นเรื่อยๆ
จนเจ้าของมันต้องวางมือเอาไว้กับไหล่กว้างเพื่อหาหลักยึด
เสียงลมหายใจดังติดขัดเมื่อส่วนปลายของสิ่งที่ยังถูกชานยอลกอบกุมเอาไว้มันฉ่ำเยิ้มไปด้วยของเหลวสีขาวขุ่น
เพียงแค่ชานยอลเร่งจังหวะมือและรูดเร้าอีกไม่กี่ครั้งความต้องการมากมายก็ถูกปลดปล่อยออกมาจนเลอะมือใหญ่ๆนั้น
เรียวขาเล็กพยายามหุบเข้าหากันทันทีที่ได้ปลดปล่อยแล้ว
แต่เจ้าของมือใหญ่กลับสอดมือเข้าไปภายใต้กางเกงลึกมากกว่านั้น
“อึก!”
นิ้วกลางที่ชโลมด้วยน้ำขุ่นคาวถูกสอดเข้าไปในช่องทางเบื้องหลังอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว
ร่างบางกระตุกเบาๆ พร้อมกับจิกมือลงที่หัวไหล่ของชานยอลมากขึ้น พยายามจะขยับเรียวขาเข้ามาให้ชิดกันแต่มือที่ยังคงอยู่ภายในกางเกงกลับเป็นตัวที่ทำให้ต้องแยกขาออกกว้างอย่างจำใจ
“ฮึก!!”
ปลายเท้าจิกเกร็งกับพื้นพรมเมื่อข้อนิ้วที่สองแทรกเข้ามาบดเบียดกับนิ้วกลางที่ยังคงแช่ค้างอยู่ในตัว
ใบหน้าหวานเริ่มมีเหงื่อซึมลงมา มันดูน่ามองและน่าเชยชมจนอดไม่ได้
ชานยอลขยับเข้าไปใกล้ร่างที่เนื้อตัวสั่นเทาช้าๆแล้วจูบซับเหงื่อที่ข้างขมับให้อย่างแผ่วเบา
ก่อนจะแทรกนิ้วที่สามตามเข้าไป
“พ..พอ..ม..ไม่เอา”
นิ้วทั้งสามที่แทรกในกายค่อยขยับเข้าออกเพื่อเตรียมความพร้อมไว้
ในขณะที่สะโพกมนเริ่มจะยกตามจังหวะที่เข้าออกในร่างกาย
จุนมยอนเหลือบมองทุกคนที่หลับอยู่อย่างระแวงว่าจะตื่นขึ้นมาเห็นอะไรที่ไม่ควรในจังหวะเดียวกันกับที่ถูกชานยอลรั้งให้ไปในซ้อนอยู่กับตัก
เสียงมือหนาที่เร่งรีบกับการปลดเข็มขัดและกำลังพยายามรูดซิปกางเกงของตนเองลง
ทำให้จุนมยอนหันกลับไปมอง ก่อนจะต้องรับผินหน้าหลบเมื่ออีกฝ่ายควักสิ่งที่กำลังแสดงความต้องการอยากจะโจนจ้วงเข้ามาในร่างเขาออกมา
“ถ้าไม่อยากให้คนอื่นตื่นมาเห็น..ก็อย่าครางเสียงดังนะที่รัก”
เสียงกระซิบข้างหูทำให้จุนมยอนกระทุ้งข้อศอกลงไปเต็มแรง
สะโพกอิ่มถูกประคองยกสูงขึ้น จุนมยอนหันกลับมามองทางด้านหลังช้าๆ
แท่งเนื้อร้อนที่กำลังถูไถกับปากช่องทางทำให้เขาจิกมือลงกับต้นขาของชานยอลเต็มแรง แล้วเฝ้ามองบั้นทายกล้มกลึงที่ค่อยๆถูกกดลงให้ดูดกลืนความเป็นชายของอีกฝ่ายไปทีละนิดๆ
“เคร้ง!”
เสียงขวดเหล้าที่กระทบพื้นทำให้คนที่กำลังทำกิจกรรมร้อนแรงร่วมกันหันไปมองเป็นสายตาเดียว
ชายคนหนึ่งที่ลุกขึ้นนั่งพร้อมกับกวาดสายตามองรอบตัว ทำให้ทั้งจุนมยอนและชานยอลนั่งตัวแข็งทำอะไรไม่ถูก
“เอามาอีกขวดดิ”
เสียงทุ้มพร้อมกับทำไม้ทำมือทำให้จุนมยอนพยายามจะลุกจากตักกว้าง
แต่กลับถูกมือหนาที่ประคองสะโพกอยู่กดค้างเอาไว้ไม่ให้ขยับ เรียวปากเล็กอ้าค้างเมื่อจู่ๆชายคนนั้นก็ฟุบร่วงลงไปกองกับพื้นอีกครั้ง
ทำให้รู้ได้ว่าที่อีกคนตื่นมาโวยวายเมื่อครู่นี้ก็แค่ละเมอ
แต่มันเล่นทำเอาใจของเขาร่วงไปอยู่ตาตุ่ม
ลองคิดดูสิถ้าหากตะกี้หมอนั่นไม่ได้แค่ละเมอแล้วตื่นขึ้นมาเห็นจริงๆ
จุนมยอนยังไม่รู้เลยว่าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน
“เฮ้อ”
เสียงพรูลมหายใจของคนสองคนดังประสานกัน
ก่อนที่จุนมยอนจะสะดุ้งอีกครั้งเมื่อคนด้านหลังดันเข้ามาจนสุดความยาว
เสื้อผ้าที่ยังอยู่ติดกายครบทุกชิ้นมีเพียงแค่กางเกงเท่านั้นที่ถูกปลดให้หลุดออกจากสะโพกมากองที่หัวเข่า
ทำให้จุนมยอนเบาใจไปบ้างเล็กน้อย
แต่การที่มาทำในที่แบบนี้ยังไงมันก็น่าอายเกินไปอยู่ดี
สะโพกมนพยายามเด้งรับกับสิ่งที่แทรกเข้ามา
ก่อนจะกลายเป็นคนคุมจังหวะเสียเอง ซึ่งชานยอลก็ไม่ได้ว่าอะไรปล่อยให้เลยตามเลยไป
เสียงเนื้อกระทบเนื้อที่ดังไปทั้งห้องมันยังไม่น่ากระดากอายเท่ากับมีคนอีกนับสิบชีวิตนอนเรียงรายอาศัยพื้นที่หายใจร่วมกัน
จุนมยอนเร่งจังหวะให้ถี่รัวขึ้น
จนกระทั่งความอุ่นร้อนที่ฉีดพุ่งเข้ามาในร่างกายทำให้คนตัวเล็กดีดตัวลุกขึ้นยืน
แม้จะรู้สึกโหวงๆที่ส่วนนั้นถูกถอนออกไปอย่างรวดเร็ว
แต่การอยากจะรีบออกจากห้องนี้ไปโดยไว จึงรีบดึงกางเกงใส่อย่างลวกแล้วรั้งแขนชานยอลให้รีบกลับห้องไปด้วยกัน
“ปึง”
เพียงแค่พาตัวเองพ้นออกมาจากห้องนั้นได้จุนมยอนก็รู้สึกว่าหายใจโล่งขึ้นแล้ว
แต่ความรู้สึกร้อนวูบวาบและครั่นเนื้อครั่นตัวแปลกๆทำให้ต้องส่งมือไปค้ำกับกำแพงเอาไว้
พยายามก้าวเดินไปได้อีกสองสามก้าวก็เกิดอาการเข่าอ่อนจนชานยอลต้องตามเข้ามาคว้าเอวไว้
“ช..ชานยอล..ร้อน...”
เจ้าของชื่อใช้ปลายแขนเสื้อซับเหงื่อที่ใบหน้าให้ก่อนจะก้มลงกดจูบกับปากแดงย้ำๆ
รอยยิ้มที่แต่งแต้มบนใบหน้าหล่อไม่ทันให้จุนมยอนที่มัวแต่สับสนและมึนงงกับร่างกายที่แปรปรวนของตัวเองไม่ทันได้เห็น
ชานยอลกดปลายจมูกลงกับซอกคอแล้วสูดดมกลิ่นสบู่ที่จุนมยอนชอบใช้อย่างมัวเมา
พลางคิดไปถึงตัวยาบางอย่างที่เขาหย่อนใส่แก้วน้ำเปล่าแล้วให้จุนมยอนกินเข้าไปก่อนหน้านี้
มันคงกำลังจะออกฤทธิ์แล้วสินะ..
“ร้อน...ช..ชานยอลอ่า...”
ช่วงขายาวพยายามก้าวให้ไวที่สุดเพื่อที่จะพาร่างของตนกับคนรักกลับไปต่อที่ห้อง
แต่ฝ่ามือเล็กที่คอยพยายามทึ้งคอเสื้อเขาเอาไว้ทำให้มันค่อยข้างทุลักทุเลพอสมควร
เพราะว่าห้องพักของเขาและจุนมยอนอยู่สูงขึ้นไปอีกหนึ่งชั้น
ดังนั้นก็ต้องพากันไปที่ลิฟท์หรือไม่ก็บันได
แต่ดูเหมือนว่าระยะทางอีกเกือบสามเมตรกว่าจะถึงตัวลิฟท์กับเพียงไม่ถึงเมตรก็เป็นบันไดหนีไฟ
ดังนั้นทางเลือกอย่างหลังคือสิ่งที่เขาจะใช้เพื่อพาตัวเองและจุนมยอนกลับห้อง
“จุนมยอน..เดี๋ยวสิ”
โอบประคองพากันก้าวไปได้ไม่กี่ขั้น
คนตัวเล็กก็เริ่มแผลงฤทธิ์ ฝ่ามือเล็กเอาแต่รั้งคอเสื้อคนตัวสูงกว่าเอาไว้เพื่อที่จะจูบ
แต่เมื่อทำแล้วไม่เป็นผลก็เลยเอื้อมมือมาปลดกระดุมเสื้อของอีกฝ่ายแทน
แม้จะพยายามห้ามปรามและรั้งมือเอาไว้แต่จุนมยอนก็ยังดื้อดึงจนปลดกระดุมเสื้อเขาออกหมดได้ในที่สุด
“กอดฉันหน่อย..”
น้ำเสียงอ้อนๆพร้อมกับริมฝีปากบางกดจูบแล้วดูดดึงกับยอดอกเขาจนเกิดเสียงดังจ๊วบ
นั่นพาเอาความอดทนของปาร์คชานยอลหมดลงไป
มือหนาสอดผ่านชายเสื้อตัวบางของจุนมยอนแล้วลูบวนหน้าท้องและแผ่นหลัง
พร้อมกับซุกใบหน้าลงไปแนบกับซอกคอ แล้วขบกัดลงไปจนร่างบางสะท้าน
“ร้อน..”
มือหนาเร่งปลดตะขอกางเกงคนตัวเล็กลงอีกครั้งแล้วรูดให้มันลงไปกองที่ข้อเท้า
ความต้องการที่มากขึ้นทำให้เขาไม่ประวิงเวลามามัวค่อยปลดกระดุมทีละเม็ด
จึงกระชากเสื้อบนร่างบางที่เดียวให้มันขาดออก
แล้วลากลิ้นไปสัมผัสและชิมความหอมหวานอย่างหื่นกระหาย
ความต้องการที่ถูกปลุกขึ้นมาแล้วครั้งหนึ่งเกิดขึ้นอีกครั้ง
มือหนาปลดกางเกงตนเอง โดยปล่อยให้มันคาอยู่ที่สะโพก
ก่อนดันกายแทรกเข้าไปในร่างขาวอีกครั้ง
มือหนาผลักให้คนตัวเล็กไปชิดกับราวบันไดก่อนจะกระแทกกายเข้าใส่จนฝ่ามือเล็กต้องรีบหาที่เกาะยึด
ชานยอลดูดติ่งหูและขบกัดที่ท้ายทอยขาวแรงๆ
พร้อมกับที่ส่งมือไปสะกิดยอดอกคนที่ใช้มือเกาะราวบันไดเพื่อทรงตัวยืน
“จุน..ม..ยอน..”
เสียงแหบพร่ากระซิบชิดใบหูนิ่ม
พร้อมกับส่งจังหวะเข้าไปในร่างจุนมยอนจนสั่นคลอนไปทั้งร่าง มือหนาไล้จากยอดอกลงมาตรงหน้าท้องเนียนก่อนจะมาหยุดที่ต้นขาขาวๆ
พร้อมกับจับยกเรียวขาข้างหนึ่งให้พาดไปกับราวเหล็กที่อยู่สูงกว่าขั้นที่ตนยืนอยู่หนึ่งขึ้นซึ่งมันทำให้เขาแทรกเข้าไปในร่างจุนมยอนได้ลึกมากยิ่งขึ้น
“อ๊า!!”
คนที่ยืนอยู่ด้านหลังเอื้อมมือมารูดแก่นกายเล็กในขณะที่ก็ยังกระแทกและส่งแรงเข้าหาแบบถี่รัว
เสียงครางระงมดังกลบเสียงของราวบันไดที่มันสั่นเพราะจุนมยอนใช้มันเป็นหลักยึดยามที่แท่งเนื้อร้อนด้านหลังดันเข้ามาจนสุด
กิจกรรมเข้าจังหวะดำเนินต่อไปจนกระทั่งสุขสมด้วยกันทั้งคู่
ชานยอลก็ประคองร่างที่หอบหายใจถี่ให้เดินขึ้นไปเพื่อตรงกลับห้อง
โดยไม่คิดจะแต่งตัวให้เรียบร้อย
“ชานยอล..เข้ามา..ในตัวฉันที..”
คนตัวสูงพรูลมหายใจเมื่อก้าวพ้นออกมาจากบันไดได้ในที่สุด
แต่ฝ่ามือเล็กที่ลูบไล้กับแผงอกทำให้เขาดันคนตัวเล็กให้หันหน้าเข้ากับกำแพงแล้วใช้มือรูดสองสามทีพร้อมกับกดส่วนนั้นจมเข้าไปแช่ไว้ในร่างของอีกคนตามคำขอ
อ้อมแขนแข็งแรงรั้งเอวบางพยายามจะพาเดินต่อไปแต่สิ่งที่แช่อยู่ในร่างของจุนมยอนกลับเป็นปัญหา
และถ้าหากยืนอยู่ตรงนี้นานคนก็อาจจะมาเห็นได้ แม้มันจะปาเข้าไปตีสองแล้วก็ตามแต่
“มานี่”
ชานยอลถอนส่วนนั้นออกไปก่อนจะช้อนอุ้มร่างที่เสื้อผ้าหลุดลุ่ยเอาไว้แล้วรีบก้าวยาวๆจนกระทั่งพามาถึงห้องได้ในที่สุด
ทันทีที่แตะคีย์การ์ดและเปิดประตูเข้าไปได้ เสื้อผ้าที่อยู่ติดกายอย่างหมิ่นเหม่ก็ถูกสลัดทิ้งกองไว้ตรงหน้าประตู
ช่วงขายาวเตะประตูให้ปิดไป
ก่อนจะวางร่างขาวลงแล้วแทรกกายเข้าไปทันทีโดยไม่ต้องรอให้อีกฝ่ายร้องขอ
“อ๊ะ..อ๊า..”
ใบหน้าหวานแนบไปกับผนังห้อง
พร้อมกับแรงกระแทกเข้ามาทำให้ส่วนที่ดันตัวขึ้นมาเพราะฤทธิ์ยาเสียดสีไปกับผนัง
เหงื่อมากมายที่ไหลโทรมกายไม่ได้ทำให้ชานยอลยอมปล่อยแขนออกจากร่างนี้เลย
ซ้ำยังกอดแน่นแล้วส่งมือไปช่วยปลดเปลื้องอารมณ์ของคนตัวเล็กต่อจนกระทั่งปลดปล่อยออกมาอีกครั้ง
“ฉัน..เป็นอะไรไม่รู้...มันยังต้องการ..”
จุนมยอนละฝ่ามือที่เท้ากับผนังห้องค่อยๆเลื่อนมือลงมากอบกุมแท่งเนื้อร้อนที่มันเต้นตุบๆรอการปลดปล่อยของตนเอง
แต่ก็ถูกคนที่ยืนซ้อนอยู่ดานหลังป่ายมือให้หลุดออกไป
พร้อมกับลากเอาร่างบอบบางที่เนื้อตัวเต็มไปด้วยร่องรอยจากการทำรักให้เดินเข้ามา
แต่คนที่พยายามรั้งตัวเอาไว้อย่างจุนมยอนกลับไม่ให้ความช่วยเหลือ
ฝ่ามือเล็กเอื้อมลงไปกอมกุมแก่นกายของตนเองอีกครั้ง
แล้วพยายามช่วยตัวเองต่อหน้าต่อตาคนรัก
“ปัดโถ่เว้ย!”
ชานยอลขยี้หัวตัวเองแรงๆอย่างหงุดหงิด
แล้วปัดมือเล็กๆนั้นออกไป
พร้อมกับทรุดตัวลงแล้วส่งแท่งเนื้อนั้นเข้าไปไว้ในโพรงปากตน
มือหนากดบั้นท้ายให้เข้ามาแนบชิดก่อนจะยกมือเกี่ยวเรียวขาข้างหนึ่งของคนตัวเล็กพาดไว้บนหัวหัวไหล่
“อะ..อ๊ะ..”
ฝ่ามือเล็กดึงทึ้งเส้นผมเขาจนเจ็บไปทั้งหนังหัว
พร้อมกับสะโพกอิ่มเด้งรับมันทำให้ปาร์คชานยอลอยากจะยกกล้องขึ้นมาอัดภาพคนตัวเล็กที่สุดแสนจะเซ็กซี่เอาไว้เสียตอนนี้หากทำได้
ใบหน้าหวานที่เขาหลงใหล กำลังเคลิบเคลิ้มไปกับรสสวาท ริมฝีปากบางเผยอออกเล็กน้อย ดวงตาที่ฉ่ำน้ำก้มลงมามองด้วยสายตาอ้อนๆ
นั่นทำเอาปาร์คชานยอลทนไม่ไหวลุกขึ้นแล้วจับขาข้างที่อยู่บนหัวไหล่มาพาดไว้กับเอว
ก่อนจะสอดความเป็นชายเข้าไปภายในร่างที่ยังไม่ได้ปลดปล่อย
“ช..ชานยอล..อ๊า”
มือหนายกขึ้นมาจับเรียวขาอีกข้างที่จุนมยอนใช้ทรงตัวยืนให้ยกขึ้นมาเกี่ยวเอวตนเองไว้
ก่อนจะช้อนสะโพกอุ้มคนตัวเล็กขึ้น เมื่ออยู่ในท่านี้น้ำหนักตัวทั้งหมดของจุนมยอนถูกทิ้งลงไป
ส่งผลให้สิ่งที่ค้างแช่อยู่ในร่างกดลงจนวูบโหวงไปทั่วท้องน้อย
ช่วงขายาวเซไปข้างหลักเล็กน้อย
ก่อนชานยอลจะขยับไปอิงหลังไว้กับบานกระจกใหญ่ใกล้ๆโต๊ะเครื่องแป้ง
แล้วสวนสะโพกเข้าใส่แบบไม่ยั้ง
“ฮึก”
ฝ่ามือเล็กข้างหนึ่งส่งไปค้ำยันกับผนังเหนือหัวคนตัวสูง
และอีกข้างเลื่อนลงมากอบกุมส่วนกลางกายของตนเองแล้วรูดเร้ามันด้วยจังหวะที่กระชั้น
จุนมยอนปรือตามองหน้าชานยอลช้าๆแล้วโน้มใบหน้าลงไปบดเบียดริมฝีปากด้วย
ริมฝีปากที่เผยอเพื่อช่วยหายใจถูกดูดดึง แล้วสัมผัสกับความร้อนชื้นของลิ้นที่ชานยอลส่งเข้ามาสัมผัส
“ส่งลิ้นมา”
ร่างกายที่กระตุกเกร็งเพราะความฉ่ำเยิ้มที่ปลดปล่อยออกมาจนเลอะมือ
จ้องประสานกับคนที่ยังคงเด้งสะโพกกดลึกโจนจ้วงเข้ามากาย
แล้วยอมส่งลิ้นเข้าไปแตะกับของอีกคนที่เป็นคนออกคำสั่ง
แล้วต้องร้องออกมาสุดเสียงเมื่อชานยอลยกสะโพกเขาขึ้นสูงพร้อมกับถอนส่วนนั้นออกไป
แล้วกระแทกเข้าไปทีเดียวจนร่างขาวสั่นคลอนไปทั้งร่าง
“อ๊า!!!”
ความอุ่นร้อนที่ฉีดเข้ามาอีกระลอกทำให้คนที่ถูกอุ้มอยู่ผ่อนลมหายใจออกมาช้าๆ
แต่ฤทธิ์ยาที่ยังคงส่งผลอยู่ทำให้ความต้องการของจุนมยอนเกิดขึ้นอีกครั้ง
ชานยอลเอื้อมมือซับเหงื่อบนใบหน้าหวานแล้วจูบซับไปทั้วทั้งใบหน้า ก่อนจะอุ้มพาร่างที่ยังคงต้องการให้เขาเติมเต็มไปยังเตียงหลังกว้าง
“..จ..จุน..อึก..จุนมยอน”
เมื่อวางคนตัวขาวลงบนเตียงแล้วเพียงแค่ก้าวตามขึ้นเตียงไปร่างนุ่มนิ่มก็โถมเข้าใส่ตัวเขา
เรียวแขนเล็กขยับมาโอบคอไว้ แล้วบดจูบลงกับซอกคอ
จนชานยอลทำได้แค่ส่งมือไปลูบคลึงบั้นท้ายกลมกลึงเล่นอย่างมันมือ
“ช..ชานยอล...ช่วย..ฉันที”
เสียงหวานที่ครางอยู่ข้างหูทำให้เจ้าของชื่อต้องตั้งสติแล้วสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ
ยามที่ถูกริมฝีปากแดงๆขบเม้มที่ติ่งหู คนตัวเล็กขยับตัวเข้ามาคร่อมแล้วดันสะโพกถูไถส่วนที่ตั้งชันขึ้นให้มาถูกับหน้าท้องเขา
แรงขบกัดที่ใบหูทำให้ชานยอลตีมือลงกับบ้านทายกลมนั้นนด้วยความหมั่นเขี้ยว
ก่อนจะดันร่างของลูกแมวขี้อ้อนให้ลงไปคุกเข่าสี่ขากับพื้นเตียง
“ฮึก!!”
มือที่ค้ำอยู่กับเตียงสั่นเกินจะควบคุมเมื่อ
คนที่ซ้อนอยู่ด้านหลังเสือกกายเข้าหา จังหวะเนิบนาบที่เริ่มขึ้นพร้อมกับความร้อนจากริมฝีปากที่พรมจูบไปทั่วแผ่นหลัง
ทำให้จุนมยอนต้องกัดฟันทนแล้วซุกหน้าลงไปกับท่อนแขนของตนเอง
เสียงเตียงที่ดังกระทบกับผนังห้องไม่ได้ทำให้คนสองคนสนใจมันแม้แต่นิด
ฝ่ามือใหญ่ที่ประคองสะโพกอยู่ละมือออกมาหนึ่งข้าง
แล้วรูดแก่นกายของคนตัวเล็กให้ปลดปล่อยไปด้วยกัน
ยิ่งเหงื่อเริ่มซึมออกมา
คนที่ไฟติดก็กดสะโพกเร็วขึ้น จนร่างขาวเข่าแทบทรุดลงไป
แต่เพราะอ้อมแขนที่ยังกอดรั้งเอวไว้ ทำให้ยังคงประคองตัวอยู่ได้
ฝ่ามือเล็กจิกลงกับหมอนและผ้าปู พร้อมกับกรีดร้องออกมาสุดเสียงเมื่อห้วงอารมณ์ถูกปลดเปลื้องออกไปอีกครั้งและอีกครั้ง
“แฮ่กแฮ่กแฮ่ก”
จุนมยอนถูกดันให้นอนหงายลงแล้วตามมาด้วยมือหนาที่บีบเค้นไปจนทั่วทั้งตัว
คนที่เหนื่อยหอบจนตัวโยนเพียงแค่นอนบิดกายแล้วใช้แววตาที่คลอไปด้วยน้ำใสๆ
มองทุกอากัปกริยาของคนบนร่าง
เรียวขาทั้งสองข้างถูกดันให้แยกออกกว้างพร้อมกับความแข็งและใหญ่โตกดเข้ามาอีกครั้ง
“ช..ชา..ชาน..ยอ..อึก!”
ทั้งมือและริมฝีปากที่สัมผัสไปทั้งตัว
ทำให้จุนมยอนเหมือนกำลังถูกดึงวิญญาณออกไป ความมึนเมาและความเสียวซ่านที่บอกไม่ถูกว่าเกิดจากจุดไหนกันแน่
ทำได้เพียงแค่ครางร้องเรียกชื่อของคนที่ย้ำกายเข้าหาอยู่แบบนั้น
ก่อนจะถูกช้อนตัวขึ้นนั่งคร่อมบนตักอีกครั้ง ฝ่ามือเล็กส่งไปประคองใบหน้าหล่อ
แล้วลูบเบาๆด้วยความหลงใหล ในขณะที่สะโพกก็กดรับกับแท่งเนื้อร้อนอย่างต่อเนื่อง
ไฟรักที่ไม่มอดดับลงง่ายๆ
ถูกจุดขึ้นมาอีกครั้งและอีกครั้งจนมันดำเนินไปร่วมสองชั่วโมง
ร่างบอบบางที่เหนื่อยอ่อนจนแทบหมดแรงยังคงเกิดความต้องการอยู่เพราะฤทธิ์ยาบ้าๆนั้น
ทำให้ยังต้องคอยรับส่งสอดผสานสัมผัสกันต่อไป โดยไม่รู้ว่ามันจะหยุดลงเมื่อไหร่
“ฉัน..จ..จะไม่ไหวแล้ว..อ๊ะ..อ๊า”
คนที่ถึกและไม่รู้ว่าไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนทั้งๆที่ไม่ได้โดนฤทธิ์ยาเล่นงานด้วยซ้ำอย่างชานยอลยังคงตักตวงเอากำไรจากเรือนร่างหอมหวานนี้
ร่างสูงที่นอนเอนราบอยู่กับเตียงยังคงยกสะโพกดันส่วนนั้นกดเข้าและออกกับร่างขาวที่นอนบิดเร่าอยู่บนร่างของตนเอง
“นี่ถ้าฉันกินยานั้นเข้าไปด้วยนายตายคาอกฉันแน่ๆ”
ถ้อยคำดังกล่าวของปาร์คชานยอลไม่เข้าหูอีกคนเลยแม้แต่นิด
จุนมยอนเหนื่อยจนแทบขาดใจ แต่ความต้องการลึกๆมันทำให้เขาต้องทำมันต่อไปเพื่อทุเลาความทรมานและอึดอัดเหล่านี้
ใบหน้าหวานหันหลับไปมองคนที่ตนนอนซ้อนอยู่อย่างตื่นตระหนกเมื่อจู่ๆชานยอลก็ชันตัวขึ้นแล้วเกี่ยวเรียวขาเล็กให้พาดไปกับสะโพกของตน
จุนมยอนถดขาอีกข้างใช้เข่าคำยันกับพื้นเตียง
แล้วหวีดร้องออกมาเมื่อแท่งเนื้อร้อนกระแทกสวนแรงๆ
“อ๊ะ..จ..เจ็บ”
ฝ่ามือเล็กค้ำยันกับพื้นเตียงตรงระหว่างลำตัวของคนที่ซ้อนอยู่ใต้ร่าง
เข่าเล็กๆค้ำยันเพื่อให้สะโพกลอยค้างเอาไว้ในยามที่อีกคนดันกายส่งเข้าหา
ขาข้างที่ถูกแยกออกและนำไปพาดกับเอวคนตัวสูงทำให้เขารู้สึกชาและเสียวซ่านปนความทรมาน
ได้แต่ภาวนาให้อีกคนปลดปล่อยออกมาเสียที
“อึก..อึก..อึก...”
ชานยอลไม่ออมแรงที่ส่งกายเข้าหาจนในที่สุดก็ปลดปล่อยอีกครั้ง
หยาดน้ำขุ่นขาวไหลซึมจากช่องทางนั้นออกมาจนชโลมส่วนนั้นของชานยอลเอาไว้
มือหนาดันเรียวขาเล็กลงให้อีกฝ่ายนอนลงบนตัวเองอีกครั้ง
ก่อนจะพลิกกายตะแคงตัวกอดคนที่หอบหายใจจนตัวโยนเอาไว้จมอก
“จุนมยอน..ฉัน..มันก็เป็นคนแบบนี้แหละนะ..ขอโทษ..”
เจ้าของชื่อปรือตาขึ้นมองหน้าคนที่กดจูบลงที่หน้าผากตนเองก่อนจะพยักหน้ารับ
เรียวขาขาวเนียนค่อยๆยกขึ้นก่ายเอวสอบเมื่อชานยอลค่อยๆแทรกกายเข้ามาตรงหว่างขาอีกครั้งอย่างค่อยเป็นค่อยไป
เพราะเสร็จไปแล้วนับครั้งไม่ถ้วนทำให้สามารถสอดเข้าไปได้ง่ายขึ้น
สะโพกหนากดส่งเข้าหา
โดยที่ร่างบางก็ยังคงอ้าขารับกับจังหวะนั้นโดยที่ท่อนแขนของคนทั้งสองยังโอบกอดกันกลม
“ม.ไม่ต้อง..ขอโทษหรอก..”
สองร่างที่กอดก่ายกันบนเตียงพลิกกลิ้งไปมาในขณะที่ช่องทางเบื้องล่างยังผละออกห่างจากกันแม้แต่วินาทีเดียว
จนกระทั่งเวลาที่แสนยาวนานผ่านไป
จุนยมอนโอบกอดคนตัวสูงเอาไว้แน่นแล้วอาศัยจังหวะที่ริมฝีปากผละออกจากกันสูดหายใจเข้าปอด
ตอนนี้เขาเหนื่อยจนแทบจะสลบลงไปทั้งที่ยังไม่ได้ปลดปล่อยด้วยซ้ำ
“ฉันเต็มใจ..ให้..นาย..ปาร์คชานยอล..”
ดวงตาคู่สวยหลับพริ้มลง
ในขณะที่อีกคนก็ยังไม่ผละส่วนนั้นออกไป
ใบหน้าสวยซุกลงกับอกโดยที่อ้อมแขนก็ยังคงโอบกระชับกอดเอวเขาไว้
อีกทั้งสะโพกอิ่มก็ยังคงกดรับกับตัวตนของปาร์คชานยอล ราวกับเป็นกลไกของร่างกายที่ผสานเข้าหากันอย่างลงตัว
ค่ำคืนสุดท้ายในญี่ปุ่นที่ผ่านพ้นไป..
พร้อมกับร่างกายที่แนบชิดกันจนชนิดที่ว่าไรฝุ่นก็ยังไม่สามารถแทรกตรงกลางระหว่างเราได้..
อ่านแล้วช่วยกลับไปเม้นที่เด็กดีดด้วยนะคะ >.,< >>Dek-d<<
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น